แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (31 ม.ค.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากำหนดทิศทาง และนักลงทุนในตลาด รอติดตามผลประชุมเฟดคืนนี้ ทำให้คาด SET แกว่งในกรอบระหว่าง 1360-1380 จุด โดยทางด้านแนวโน้มราคา รอการ breakout จากกรอบ จะมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้น โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1386 จุด และแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1353 จุด
ประเด็นสำคัญ
• ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ธ.ค. ของสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 9.026 ล้านตำแหน่ง สูงกว่าคาด สะท้อนตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งมากเกินกว่าที่ Fed จะพิจารณาลด ดบ. ในเดือน มี.ค.
• IMF คาดปีนี้ ศก. โลกจะขยายตัว 3.1%YoY เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เมื่อ ต.ค. 66 ที่2.9% หนุนจากการขยายตัวของ ศก. สหรัฐ และมาตรการกระตุ้นการคลังของจีนนอกจากนี้ยังคาดเงินเฟ้อของโลกปีนี้จะอยู่ที่ 5.8% จาก 6.8% ในปีที่แล้ว และปีหน้าจะอยู่ที่ 4.4%
• Bond Yield รัฐบาลจีนอายุ 10 ปี ร่วงลงแตะระดับ 2.47% ต่ำสุดในรอบ 22 ปี หลังคาด PBOC เดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงิน ท่ามกลาง ศก. ที่ฟื้นตัวเปราะบาง และตลาดหุ้นถูกเทขายอย่างหนัก
• ซาอุดิอารัมโก ประกาศจะหยุดแผนการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบจาก 12 เป็น 13 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังได้รับคำสั่ง ก.พลังงานของซาอุดีอาระเบียให้รักษากำลังการผลิตที่ยั่งยืนสูงสุด
• ก. ท่องเที่ยวฯ ระบุจำนวน นทท. สะสมตั้งแต่ 1-28 ม.ค. รวมทั้งสิ้น 2.74 ล้านคน สร้างรายได้ราว 1.33 แสนลบ. โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีนมาเลเซีย เกาหลีใต้ รัสเซีย และอินเดีย
• ธอส. วางเป้าปล่อยกู้บ้านปีนี้ 2.4 แสนลบ. เติบโต 3% ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยตามกนง. ทันที เตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ รอบใหม่ให้รัฐบาลพิจารณาใน ก.พ. นี้
• วันนี้ 14.00 น. จับตาศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยคดีพรรคก้าวไกลล้มล้างการปกครอง
กลยุทธการลงทุน ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นโลกมีโมเมนตัมปรับขึ้นได้จากตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการของ บจ. ทึ่คาดออกมาดี พร้อมกับคาดจะมีการปรับลดความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดลง ทั้งนี้มองการประชุมเฟดสัปดาห์นี้จะยังไม่ส่งสัญญาณการลดดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. ขณะที่ตลาดหุ้นไทยคาดมีแรงกดดันจากความกังวลผลประกอบการ 4Q66 ของ บจ. ไทยที่อาจออกมาอ่อนแอและยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงเน้น “ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด”
Top Picks
BDMS มองราคาหุ้นจะ outperform ต่อเนื่อง หนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งประเมินกำไรปกติ 4Q66 ที่ 3.6 พันลบ. (เพิ่มขึ้น 16%YoY แต่ลดลง 7%QoQ) คาดกำไรปกติปี 2567 โต 8%YoY อีกทั้ง Valuation ยังอยู่ในระดับต่ำ PER ปี 2567 ที่29 เท่า ต่ำกว่า -2SD ของ PER เฉลี่ยในอดีต
GPSC ช่วงสั้นได้ Sentiment บวกจากราคาก๊าซในยุโรปและ Bond Yield ที่ปรับลงขณะที่อยู่ระหว่างปรับสัญญาขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าอุตฯ เป็นอ้างอิงราคาก๊าซฯ เพิ่มขึ้นลดความผันผวนผลประกอบการจากค่า Ft ที่ไม่สอดคล้องต้นทุน ปัจจุบันซื้อขายที่-1SD บน PBV ปี 2567 ที่ 1.1 เท่า