แนวโน้มตลาดวันนี้ (21 มี.ค.) บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET ยังได้ปัจจัยหนุนจากเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ อย่างไรก็ตามสัญญาณทางเทคนิคดูยังเป็นลบ ทำให้ต้องติดตามการปรับตัวขึ้นหาบริเวณแนวต้านสำคัญจุดสูงเดิม 1395-1400 จุด หากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเป็นสัญญาณบวกต่อ ด้านกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1380 และ 1370 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
• BoE มีมติด้วยคะแนนเสียง 8-1 ในการคง ดบ. ที่ระดับ 5.25% สอดคล้องกับตลาดคาด ซึ่งถือเป็นการตรึง ดบ. ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 5 หลังจากที่ได้ปรับขึ้น ดบ. ติดต่อกัน14 ครั้ง นอกจากนี้ คกก. ยังระบุว่า ศก. อังกฤษกำลังปรับตัวในทิศทางที่เหมาะสมในการปรับลด ดบ.
• ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ มี.ค. ปรับตัวลงทำระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ขณะที่ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ 2.1 แสนรายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าตลาดคาด
• CEO ของบริษัทคูเวต ปิโตรเลียม คอร์ปอเรชัน ระบุวิกฤตการณ์ในทะเลแดง อาจส่งผลให้เกิดการขาดแคลนเรือบรรทุกน้ำมันทั่วโลก หากวิกฤตดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไปอีก 6 เดือน
• หุ้นแอปเปิ้ลปรับลง 4.1%DoD หลังจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐประกาศฟ้องบริษัทแอปเปิ้ล อิงค์ ผูกขาดตลาดสมาร์ทโฟนจนส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค ผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่นและบริษัทคู่แข่ง
• การพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ ปี 67 ของสภาผู้แทนฯ วันนี้เป็นวันสุดท้าย จากนั้นที่ประชุมจะลงมติวาระ 2-3 ก่อนส่งให้วุฒิสภาพิจารณาต่อในวันที่ 26 มี.ค.
• โฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุอีซูซุ มอเตอร์ส วางแผนที่จะผลิตรถปิกอัพไฟฟ้าต้นแบบจากฐานการผลิตในไทยเพื่อส่งออกในปี 2568 โดยจะใช้เงินลงทุน 2.4 แสนลบ. ในด้านการวิจัยและพัฒนาภายในปี 2573
• วานนี้ราคาหุ้น MBK ปรับขึ้น 16%DoD หลังมีข่าวสยามพิวรรธน์ (MBK ถือหุ้น 49%) กำลังพิจารณาจะเสนอขาย IPO ราว 1.7-2.6 หมื่นลบ. เพื่อระดมทุนเข้าจดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหุ้นไทย
กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่องและลุ้นกลับมายืนเหนือ 1400 จุด โดยในประเทศจะมีความคาดหวังต่อการเบิกจ่ายงบประมาณ ขณะที่ต่างประเทศการประชุมนโยบายการเงินของ FED มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.25-5.50% ตามตลาดคาด พร้อมเปิดเผย Dot Plot ปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 3 ครั้งในปี 2567 ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
Top. Picks
KCE มองเป็นหุ้นเด่นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ กำไรจะเติบโตแข็งแกร่งสุดในกลุ่มโดยปี 2567 คาดกำไรสุทธิจะเติบโต 32%YoY จากการเติบโตที่ดีของ EV และเริ่มบริหารจัดการต้นทุนได้ดีมากขึ้น ขณะที่ valuation น่าสนใจ โดยปัจจุบันซื้อขายที่ PE ปี 2567 เพียง 21.1 เท่า ซึ่งเท่ากับระดับ -1SD ของ PE mean
AMATA มองได้อานิสงส์จากการลงทุน FDI ของไทยที่จะเพิ่มขึ้นในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ Semiconductors และ EV related ทั้งจากการลงทุนจากประเทศจีน ญี่ปุ่น และไต้หวัน โดยปี 2567 คาดยอดขายที่ดินยังอยู่ในระดับสูงและหนุนให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 2.26 พันลบ. เติบโต 17.6%YoY