Market

STEC ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่  ตั้งเป้า 5-10 ปี มาร์เก็ตแคปแตะ 1 แสนล้าน
13 ธ.ค. 2566

"ซิโน-ไทย" ปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ตั้งบริษัทโฮลดิ้ง "สเตคอน กรุ๊ป" แลกหุ้นกับ STEC สัดส่วน 1 ต่อ 1  ก่อนถอน STEC ออกจากตลาด พร้อมวางกลยุทธ์ธุรกิจออกเป็น 4 กลุ่ม ตั้งเป้าหมาย 5-10 ปี กำไร 4,000 ล้านบาท และมาร์เก็ตแคปแตะ 1 แสนล้านบาท

คุณภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ  บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ทั้งการปรับโครงสร้างการถือหุ้น และการจัดการของบริษัทฯ ด้วยการจัดตั้ง บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (“บริษัทโฮลดิ้ง”) โดยบริษัทโฮลดิ้งจะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทฯ กำหนดวิธีการชำระค่าหุ้น ด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทโฮลดิ้งในอัตราการแลกหุ้น (Share Swap ) หุ้นสามัญของบริษัทโฮลดิ้ง 1 หุ้น ต่อ หุ้นสามัญของบริษัท 1 หุ้น ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการยื่นขออนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต. ราวเดือนกรกฏาคม ปี 2567 หลังจากนั้นจะยื่นขอเพิกถอนหุ้นของบริษัทฯ ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว เพราะมองเห็นโอกาสและลู่ทางในธุรกิจใหม่ๆ ที่สามารถนำมาพัฒนาต่อยอดได้ นอกจากงานก่อสร้าง จากการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเทคโนโลยีของโลกในปัจจุบัน

ภายหลังการดำเนินการดังกล่าว จะมีการแบ่งการบริหาร และกำหนดนโยบายของกลุ่มธุรกิจเดิม และกลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีการเติบโตสูง เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ใหม่และรองรับแผนการเติบโตในอนาคตได้อย่างยั่งยืน  บริษัทจึงได้มีการวางกลยุทธ์ในการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีการเติบโตสูง (New S-Curve) และธุรกิจก่อสร้างเดิมที่มี Backlog แข็งแกร่งกว่าแสนล้านบาท รวมถึงผลักดันให้รายได้ประจำ (Recurring income) มีสัดส่วนที่มากขึ้น เรายังคงให้ความสำคัญในธุรกิจวิศวกรรมและก่อสร้าง ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของเรา 

โดยแบ่งกลุ่มธุรกิจ ออกเป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. กลุ่มธุรกิจหลัก คือกลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ที่ดำเนินการภายใต้ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) 2.กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับการให้บริการสาธารณูปโภคพื้นฐานและพลังงาน 3. กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและการขนส่ง โดยมีแผนจะลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและการขนส่ง รวมถึงโครงการสัมปทานอื่นๆ ของภาครัฐ และ 4 กลุ่มธุรกิจอื่น ในรูปแบบจัดตั้งเป็นโอลดิ้งคัมปะนี โดยมีแผนที่จะลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีความสามารถในการเติบโตสูง เช่น ธุรกิจเทคโนโลยีและสารสนเทศ เป็นต้น 

คุณภาคภูมิ กล่าวว่า แผนปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการนี้ จะสามารถเพิ่มความสามารถในการเติบโตของบริษัท และสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทโฮลดิ้งในระยะยาว โดยตั้งเป้าหมายว่าจะมีกำไรเติบโตแตะระดับ 4,000 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายจะมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือมาร์เก็ตแคป ในระดับ 1 แสนล้านบาท ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 1.24 หมื่นล้านบาท
  
วันนี้ STECON GROUP และกลุ่มบริษัท พร้อมเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง ที่จะทุ่มเทความรู้ ความสามารถ ในการพัฒนาธุรกิจ ให้เติบโต มั่นคง แข็งแกร่ง พร้อมกับการพัฒนาประเทศต่อไป

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com