บมจ. สาลี่ คัลเล่อร์ ประเมินแนวโน้มครึ่งปีหลังโดดเด่น กำลังซื้อฟื้นตัว ส่งออกคึกคัก ขณะที่ธุรกิจใหม่พลังงานทดแทน “ Floating Solar ” และติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ทยอยรับรู้รายได้ จากมูลค่าโครงการรวมกว่า 347 ล้านบาท “พีรพันธ์ จิวะพรทิพย์” สั่งลุยเพิ่มรายได้ทุกหน่วยธุรกิจเต็มพิกัด มั่นใจรายได้ปีนี้โตเข้าเป้า 20-25 %
นายพีรพันธ์ จิวะพรทิพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่ คัลเล่อร์ จำกัด (มหาชน) (COLOR) ผู้ผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติกมาสเตอร์แบตซ์ (Masterbatch) เม็ดพลาสติกคอมพาวด์ (Compound) และสีผสมพลาสติกชนิดผง(Dry Colorant) เปิดเผยว่า แนวโน้มภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังมีทิศทางที่ดี หลังจากในช่วงครึ่งปีแรกมีรายได้รวมเท่ากับ 576 ล้านบาท เนื่องจากกำลังซื้อผู้บริโภคเพิ่มขึ้น อีกทั้งธุรกิจส่งออกมีสัญญาณที่ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้
ทั้งนี้ บริษัทฯจะเร่งสร้างรายได้เพิ่ม โดยการขยายธุรกิจทุกรูปแบบในทุกหน่วยธุรกิจ ควบคู่กับการสร้างรายได้ที่ต่อเนื่อง ทั้งธุรกิจผลิตเม็ดพลาสติก และธุรกิจใหม่ พลังงานทดแทน ผลิตทุ่นโซลาร์ลอยน้ำ (Floating Solar) และธุรกิจภาคการเกษตร รวมทั้งการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เร่งหาลูกค้าในอุตสาหกรรมอื่นๆ เพิ่มเติม พร้อมทั้งควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเชื่อว่าในปีนี้รายได้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ระดับ 20 – 25% จากปีก่อนมีรายได้รวม 1,256 ล้านบาท
ขณะที่ในกลุ่มธุรกิจผลิตเม็ดพลาสติก ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก คาดว่ามีแนวโน้มรายได้ที่เพิ่มขึ้น จากกำลังซื้อที่มีเข้ามาต่อเนื่องตามความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวข้องกับพลาสติกประเภทสินค้า บรรจุภัณฑ์ อุปโภคบริโภค และผลิตภัณฑ์พลาสติกเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ในช่วงปลายปีจะเป็นช่วงเทศกาลต่างๆ ส่งผลต่อการสต็อกสินค้าพร้อมขายจำนวนมากทำให้บริษัทฯน่าจะได้รับประโยชน์ ประกอบกับต้นทุนการผลิตสินค้าเริ่มปรับตัวลดลงอีกด้วย
ส่วนธุรกิจใหม่ด้านพลังงานทดแทนอย่างการผลิตทุ่นโซลาร์ลอยน้ำ (Floating Solar) ของบริษัท เดอะบับเบิ้ลส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จะสนับสนุนการสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจากการรับเป็นผู้ออกแบบ จำหน่าย และติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน (EPC) การผลิตทุ่นโซลาร์ลอยน้ำ (Floating Solar) มูลค่าโครงการรวม 347.22 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) (PLANET) ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาและจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการเซ็นสัญญาเข้ารับงาน มูลค่ารวม 75 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานภาครัฐและเอกชน คาดว่าจะมีความชัดเจนเร็วๆนี้
“ บริษัทฯ เชื่อว่าภาพรวมธุรกิจและผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ครึ่งปีหลังนี้จะเติบโต จากครึ่งปีแรก โดยบริษัทฯมีการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เร่งหาลูกค้าในอุตสาหกรรมอื่นๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น รวมทั้งจะใช้นโยบายควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรมากขึ้น นอกจากนี้ธุรกิจใหม่ในปีนี้คาดว่าจะเห็นรายได้เติบโตในสัดส่วน 10 % และ 15% ของรายได้รวมในปีหน้า จากปีก่อนอยู่ที่ 2 %” นายพีรพันธ์กล่าวในที่สุด
อนึ่ง ภาพรวมผลการดำเนินไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 286.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 282.70 ล้านบาท และกำไรสุทธิไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 12.05 ล้านบาท