แนวโน้มตลาดวันนี้ (6 ส.ค.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET ยังเผชิญปัจจัยกดดันจากการปรับฐานของตลาดหุ้นต่างประเทศ ขณะที่ในประเทศมีความกังวลด้านการเมืองก่อนคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกลในวันพรุ่งนี้ ทำให้ดัชนีมีแนวโน้มปรับลงต่อ โดยมีแนวรับบริเวณ 1260 และ 1250 จุด ตามลำดับ เป็นจุดติดตามที่คาดมีโอกาสรีบาวด์ ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1280 และ 1290 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
• ตลาดหุ้นทั่วโลกและสินทรัพย์เสี่ยงถูกขาย หลังกังวล ศก. สหรัฐฯ เผชิญภาวะถดถอย โดยวานนี้ Nikkei225 ปรับลง -12.4%DoD รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ และตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลงต่ออีกราว -3%DoD
• Goldman Sachs เพิ่มความเป็นไปได้ที่ ศก. สหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็น 25% จาก 15% และคาดFed จะลด ดบ. 25bps ใน ก.ย. พ.ย. และ ธ.ค. แต่ระบุยังมีอีกหลายเหตุผลที่ไม่ควรกังวลเกี่ยวกับภาวะถดถอย
• ดัชนี PMI ภาคบริการ ก.ค. ของจีนโดยไฉซิน ปรับขึ้นดีกว่าตลาดคาดและขยายตัวต่อเนื่อง 19 เดือน ส่วน PMI ภาคบริการ ก.ค. ของสหรัฐ โดย ISM เพิ่มสูงกว่าตลาดคาด จากคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงานเพิ่ม
• ราคาหุ้น Apple -4.8%DoD หลัง Berkshire Hathaway ลดการถือครองหุ้นลงเกือบ 50% ส่งผลให้กระแสเงินสดของ Berkshire เพิ่มขึ้นแตะระดับ 2.77 แสนล้านเหรียญ
• ปธน. ไบเดน จัดการประชุมเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอ. กลาง หลังสหรัฐและอีกหลาย ปท. ต่างก็เตือนให้ ปชช. รีบเดินทางออกจากเลบานอนโดยเร็วที่สุด
• ธปท. ระบุมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ในส่วนการผ่อนชำระขั้นต่ำของบัตรเครดิต โดยให้คงอยู่ที่ 8% ออกไปอีก 1 ปีจนถึงปี 2568 เพื่อช่วยกลุ่มเปราะบางลดภาระการจ่ายหนี้ คาดกระทบรายได้ ธพ. ราว 1 พันลบ.ต่อปี
• ก. คลังระบุยอดการลงทะเบียนโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต ล่าสุดกว่า 25 ล้านคน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และยืนยันว่าทุกอย่างยังเป็นไปตามกรอบเวลา
กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นมอง SET จะปรับลงตามตลาดหุ้นโลก เนื่องจากกังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย อีกทั้งยังอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศ และต้องติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางและสงครามเทคโนโลยีที่มีท่าทีรุนแรงขึ้นซึ่งอาจส่งผลต่อบรรยากาศลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกได้ อย่างไรก็ดีมอง SET ยังมีโอกาสปรับลงน้อยกว่าตลาดหุ้นโลก จากการเข้าสู่ฤดูกาลประกาศผลประกอบการ 2Q67 ของบจ. ไทยกลุ่ม Real Sector ซึ่งคาดจะฟื้นตัวดีขึ้น และเริ่มเห็น Fund Flow ไหลเข้าสู่ตลาด EM มากขึ้น ซึ่งคาดไทยมีแนวโน้มจะได้รับกระแสเงินนี้ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
Top Picks
CPAXT 2Q67 คาดกำไรปกติ 2 พันลบ. เพิ่มขึ้น 20%YoY จากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น และ SG&A/Sales ที่ลดลง ส่วน 3Q67 คาดกำไรโตต่อเนื่อง YoY และทำระดับสูงสุดของปีใน 4Q67 อีกทั้งมี Upside Risk จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต (ยังไม่รวมในประมาณการ) แนะนำราคาซื้อวันนี้ไม่เกิน 29.25 บ.
KTB 3Q67 คาดกำไรทรงตัว YoY ส่วน 4Q67 คาดกำไรเพิ่มขึ้น YoY หนุนให้ปี 2567 คาดกำไรเพิ่มขึ้น 11% จาก Credit Cost ลดลง สินเชื่อเติบโต NIM ดีขึ้น รายได้ค่าธรรมเนียมเติบโต ขณะที่ความเสี่ยงคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่า ธพ. อื่นๆ Valuation ถูก PER 67F ที่ 6.0x (-2SD)แนะนำราคาซื้อวันนี้ไม่เกิน 17.30 บ.