บมจ.ริชี่ เพลซ 2002 (RICHY) ปลื้ม! ปิดขายหุ้นกู้ชุดใหม่ นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่แห่จองซื้อคึกคัก ตอกย้ำความเชื่อมั่นธุรกิจโตแกร่ง บิ๊กบอส “พิชญา ตันโสด” คาดรับรู้รายได้ยอดโอนคอนโดมิเนียมสุดหรูติดสถานีรถไฟฟ้า “ริชพอยท์ วุฒากาศ” ภายในครึ่งปีหลัง ปักธงรายได้ปี 67 เติบโตเข้าเป้า 50%
นางสาวพิชญา ตันโสด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ริชี่ เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) (RICHY) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการเปิดจองซื้อหุ้นกู้มีประกันชุดใหม่ ระหว่างวันที่ 10 – 12 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ ตอกย้ำให้เห็นถึงความมั่นใจของนักลงทุนที่มีต่อการพัฒนาศักยภาพและสร้างการเติบโตของบริษัทฯ
สำหรับหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ มีประกัน มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้และผู้ออกหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2567 ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2569 ซึ่งผู้ออกหุ้นมีสิทธิไถ่ถอนก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน อายุ 1 ปี 9 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 7.1% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน โดยมีหลักประกัน คือ โครงการเดอะริช @ สาทรตากสิน และโครงการริชพาร์ค @ พหลโยธิน 59 ซึ่งทั้ง 2 โครงการมีจุดเด่นคือที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้สถานีรถไฟฟ้า สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย จึงมั่นใจว่าลูกค้าจะตัดสินใจเลือกซื้อห้องชุดได้โดยง่าย
“บริษัทฯ ขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้ความไว้วางใจสำหรับการลงทุนหุ้นกู้ของบริษัทฯ ในครั้งนี้ โดยบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้ไปใช้สำหรับการชำระคืนหุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนด และต้องขอขอบคุณผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 9 แห่ง และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสนอขายหุ้นกู้ ซึ่งจากกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุนสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อพื้นฐานการดำเนินธุรกิจและศักยภาพในการสร้างการเติบโตให้เป็นไปตามแผน” นางสาวพิชญา กล่าว
ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการก่อสร้างโครงการริชพอยท์ วุฒากาศ เป็นคอนโดมิเนียม สูง 32 ชั้น จำนวน 679 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 1,600 ล้านบาท ตั้งอยู่ติดกับรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีวุฒากาศ โดยปัจจุบันการก่อสร้างคืบหน้าแล้วกว่า 90% ซึ่งคาดว่าโครงการดังกล่าวจะก่อสร้างแล้วเสร็จ เปิดขายพร้อมรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 4 ของปี 2567
พร้อมเดินหน้าออกโปรโมชั่นต่อเนื่องตลอดทั้งปี ส่วน IP Program หรือโครงการลงทุนอสังหาริมทรัพย์รูปแบบใหม่ พร้อมรับผลตอบแทนการันตีปีละ 7% ต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปีนั้นยังได้รับกระแสตอบรับในทิศทางที่ดี และเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ดึงดูดใจลูกค้าในการเลือกซื้อโครงการของบริษัทฯ นอกจากนั้นยังได้รับประโยชน์จากมาตรการลดค่าโอนและค่าจดทะเบียนการจำนองเหลือ 0.01% รวมทั้งโครงการสินเชื่อ Happy Home และ Happy Life อีกด้วย จึงมั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้กว่า 50%