“MCA”ย้ำชัดช่วงโค้งสุดท้ายของปีเข้าสู่ไฮซีซั่น กิจกรรมทางการตลาดคึก ส่งผลเชิงบวกต่อธุรกิจ One-stop Service Marketing Solution ของMCA พร้อมระบุ จ่อทยอยรับรู้รายได้งาน Merchandiser จากเป๊ปซี่-โคล่า เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท มั่นใจเสิร์ฟข่าวดีไตรมาส 4/2566 ส่อแววผลการดำเนินงานสร้างนิวไฮ ตอกย้ำเป้าปีนี้โต 38% เติบโตสอดรับการประสานเสียงของโบรกฯ
นายภักดี เหล่างาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาร์เก็ต คอนเน็กชั่นส์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ MCA เปิดเผยว่า บริษัทฯประกาศเดินหน้าตอกย้ำสู่การเป็นผู้นำในการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดและผู้ให้บริการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดที่ครบวงจร (One-stop Service Marketing Solution) โดยใช้นวัตกรรมดิจิทัลเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ตั้งแต่ต้นน้ำ – ปลายน้ำ ดังนั้นจึงเพิ่มโอกาสการต่อยอดธุรกิจใหม่ ภายใต้รูปแบบการให้บริการ Distributor สู่การสร้าง New S-Curve ในอนาคต เพื่อตอบโจทย์ทุกช่องทางความหลากหลายในทุกรูปแบบของประเภท การให้บริการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดได้ครบทุกมิติ
ทั้งนี้ จากความมุ่งมั่นดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯ ประเมินอัตราการเติบโตในปีนี้เพิ่มขึ้น 38% ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ สำหรับภาพธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2566 มองว่าอุตสาหกรรมโดยรวม ยังมีการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคกลับสู่ภาวะปกติ ส่งผลให้ผู้ประกอบการกลับมาจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการตลาดเช่นเดิม
ขณะเดียวกันไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทฯ เริ่มทยอยรู้รายได้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท จากงานบริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด มูลค่างานกว่า 80 ล้านบาท ซึ่งโปรเจคดังกล่าว บริษัทฯ ดูแลในส่วนงานด้านบริการพนักงานจัดเรียงสินค้า (Merchandiser) ตามระยะเวลาตามสัญญา 1 ปี ส่งผลให้ทิศทางรายได้ในไตรมาส 4/2566 จะสามารถสร้างสถิติใหม่(นิวไฮ) โดย MCA จะได้อานิสงส์เชิงบวกจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดในช่วงการเข้าสู่เทศกาลปีใหม่ ทำให้ภาพรวมอุตสาหกรรมกลับมามีความคึกคักในช่วงโค้งสุดท้าย นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาโปรเจคใหม่ๆ ทั้งรูปแบบให้บริการพนักงานจัดเรียงสินค้า (Merchandiser) รวมถึงผู้จัดจำหน่ายสินค้า (Distributor) และอื่นๆ
“MCA คือ ผู้นำในการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดและผู้ให้บริการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด แบบOne-stop Service Marketing Solution ดังนั้นต่อให้เศรษฐกิจโดยรวมในประเทศ หรือตลาดการขายสินค้าทั่วไปจะชะลอตัว แต่ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจของ MCA เนื่องจากธุรกิจของเราคือการช่วยกลุ่มลูกค้า เพื่อช่วยกระตุ้นยอดขายให้ลูกค้าสามารถขายสินค้าได้ตามเป้า”
สำหรับภาพรวมในปี 2567 มองว่า ภาพธุรกิจ MCA มีสัดส่วนรายได้จาก Distributor เพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจกิจกรรมทางการตลาด หรือ Outsource จะเติบเพิ่มขึ้นได้เพราะที่ผ่านมา Outsource หรือการจ้างบุคลากรภายนอกเพื่อจัดเรียงสินค้า ขายสินค้ามีเทรนด์การเติบโตสูง ส่วนกิจกรรมทางการตลาดอื่น อาทิ โรดโชว์ อีเว้นต์ ปี 2567 คาดจะเติบโต 15-20% ส่งผลให้บริษัทฯ มองว่าการเติบโตจะมาจากธุรกิจกลุ่ม ทุกบริการส่งผลให้ในปี 2567 ตั้งเป้าอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 30%
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดการณ์กำไรปกติในปี 2023 ที่ 36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119% (YoY) ขณะที่รายได้รวมปี 2023 ที่ 499 ล้านบาท (+34% YoY) และกำไรปกติ ปี 2024 ที่ 59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% (YoY) และรายได้ปี 2024 ประเมินที่ 650 ล้านบาท (+30% YoY) ส่วน GPM ในปี 2023 -24 ประเมินไว้ที่ 22% สะท้อนโครงสร้างที่ใกล้เคียงกับปี 2022
บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ประเมินรายได้จากการบริการในปี 2566-2567 ราว 489 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% (YoY) และ 625 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% (YoY) ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) เท่ากับ 19%ต่อปี จึงใช้สมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ในปี 2566 ที่ระดับ 22.5% และปรับดีขึ้นเป็น 23% ในปี 2567 พร้อมประเมินกำไรสุทธิในปี 2566-2567 ที่ 33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100% (YoY) และ 56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70% (YoY) หรือคิดเป็นอัตราการ เติบโตเฉลี่ย CAGR) เท่ากับ 50% ต่อปี
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2023-2024 ที่ 31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87% (YoY) และปี 2024 อยู่ที่ 54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75% (YoY) และคาดว่าจะรายได้จากการให้บริการรวมในช่วงปี 2023-24 เพิ่มขึ้น 22.8% และ เพิ่มขึ้น 23.3% ตามลำดับ
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด คาดว่ากำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 61.0% CAGR ใน 2022-2025 และกำไรต่อหุ้นเติบโต 45.6% CAGR และคาดว่ารายได้สำหรับปี 2023-2025 อยู่ที่ 475 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.3% (YoY) 598 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.0% (YoY) และ 685 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 14.6% (YoY)ตามลำดับ โดยบริการจัดกิจกรรมทางการตลาดและดิจิทัลจะเป็นบริการหลักหนุนการเติบโต
บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ประเมินกำไรสุทธิเติบโตจาก 17 ล้านบาทในปี 2022 เป็น 68 ล้านบาท ในปี 2025 จากรายได้เติบโต 32% 29% และ 17% ในปี 2023-2025 ตามลำดับ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ในปี 2023-2025 ที่ระดับ 22-23% เทียบกับ 22.5% ใน1H23 และ 22.2% ในปี 2022 เป็นผลจากการเติบโตสูงของรายได้จากบริการ Merchandiser (มี GPM ที่ราว 17%) และรายได้จากบริการใหม่ Distributor (GPM ราว 8-10%) ที่เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ 2H23 ซึ่งเป็นธุรกิจที่มี GPM ต่ำกว่าบริการกิจกรรมด้านการตลาดที่มี GPM สูงกว่าที่ราว 27% ในปี 2022