แนวโน้มตลาดวันนี้ (6 มิ.ย.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET ได้ sentiment บวก หลังตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้น จากความหวังการลดดอกเบี้ยของเฟด อย่างไรก็ตาม ความกังวลด้านปัจจัยการเมือง และทิศทาง fund flow ไหลออก ทำให้กรอบบนยังถูกจำกัดที่แนวต้าน 1345-1350 จุด ด้านแนวรับอยู่ที่ 1330 และ 1320 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
• ISM รายงานดัชนี PMI ภาคบริการสหรัฐ พ.ค. ปรับขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ ส.ค. 66 และสูงกว่าตลาดคาด ด้าน ADP รายงานการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐ พ.ค. เพิ่มขึ้นต่ำสุดนับตั้งแต่ ก.พ. และต่ำกว่าคาด ทำให้ตลาดคาดมีโอกาสที่ Fed จะลดดบ. ในการประชุม ก.ย. เพิ่มขึ้น
• EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นสวนทางกับที่คาดว่าจะลดลง บ่งชี้อุปสงค์เชื้อเพลิงอ่อนแอในช่วงวันหยุด Memorial Day ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นฤดูการขับขี่รถยนต์ในฤดูร้อนของสหรัฐ
• BoC ปรับลด ดบ. ลง 0.25% สู่ระดับ 4.75% วานนี้ เป็นการลด ดบ. ครั้งแรกในรอบ 4 ปี หลังเงินเฟ้อชะลอตัว พร้อมส่งสัญญาณปรับลด ดบ. ต่อไป หากเงินเฟ้อยังคงชะลอตัวลง
• กกร. ประเมิน GDP ไทยปีนี้เติบโต 2.2-2.7% จากหลายปัจจัยเสี่ยงกระทบ ศก. ฟื้นตัวจำกัด เห็นด้วยกับมาตรการกระตุ้น ศก. ระยะสั้น ส่วนค่าแรงให้ปรับสอดคล้องกับ ศก. แต่กังวลการส่งออกได้รับผลกระทบทางอ้อมจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีนด้านนายกฯ คาด ศก. 4Q67 จะดีขึ้นมาก เตรียมออกมาตรการกระตุ้น-หารือกรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากรขยายช่องทางจัดเก็บภาษีเพิ่ม
• รมว. คลัง ปฏิเสธข่าวแจกเงินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตให้กลุ่มเปราะบาง 14.98 ล้านคนก่อน ยืนยันเป็นไปตามกำหนดเดิม เพียงแต่จะมีการแบ่งเป็นกลุ่มในการยืนยันตัวตนเท่านั้น
• ศาล รธน. กำหนดนัดพิจารณาต่อไปในคดีที่ กกต. ขอให้วินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกลในวันที่ 12 มิ.ย. นี้ หลังจากพรรคก้าวไกลยื่นคำชี้แจงข้อกล่าวหามาแล้วเมื่อ 4 มิ.ย. ที่ผ่านมา
กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นมอง SET ยังเปราะบางและแกว่งตัวในกรอบ โดยในประเทศยังขาดปัจจัยหนุนใหม่และมีปัจจัยการเมืองกดดันบรรยากาศลงทุน ทำให้ SET ยัง Underperform ตลาดหุ้นในภูมิภาค อย่างไรก็ดี ยังคาดหวังแรงหนุนดัชนีจากผลประกอบการของ บจ. ไทยที่จะเติบโตดีขึ้นตั้งแต่ 2Q67 และปัจจัยต่างประเทศสัปดาห์นี้จะเป็นบวก อาทิ ดัชนี PMI ภาคการผลิต พ.ค. ของจีนและสหรัฐคาดจะปรับตัวดีขึ้น หลังมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง และการประชุมนโยบายการเงินของ ECB ในวันที่ 6 มิ.ย. จะเริ่มมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรก ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
Top Picks
MINT เป็น 1 ในหุ้นเด่นกลุ่มท่องเที่ยว คาดผลการดำเนินงาน 2Q67 เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จากการเข้าสู่ High Season ของยุโรป อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง โดยซื้อขายที่ PER 67F ระดับ 23 เท่า ใกล้เคียง -1SD ของ PER เฉลี่ยในอดีต และยังไม่สะท้อนกำไรปกติปี 2567 ที่คาดเติบโต 12%YoY สู่ระดับ 8 พันลบ.
MTC มองเป็นหุ้นที่ได้อานิสงส์จากภาวะดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มจะปรับตัวลงซึ่งจะทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลงได้ ทั้งนี้ปี 2567 คาดกำไรจะฟื้นตัวกลับมาเติบโตได้ดีที่ 22%YoY (หลังจากลดลง 4%YoY ในปี 2566) เป็นผลมาจากสินเชื่อที่เติบโต 19%, credit cost ที่ลดลง และ opex ที่เติบโตชะลอตัวลงจากขยายสาขาช้าลง