แนวโน้มตลาดวันนี้ (30 ต.ค.) บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET แกว่งในกรอบ โดยกรอบบนถูกจำกัดบริเวณแนวต้าน 1402 และ 1411 จุด ตามลำดับ เนื่องจากคาดนักลงทุนในตลาด รอประเมินทิศทางดอกเบี้ยเฟดในการประชุมวันที่ 31 ต.ค. - 1 พ.ย. ส่วนกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1380 และ 1370 จุด ตามลำดับ หากไม่ต่ำกว่า ยังเป็นสัญญาณเทคนิคที่ดีต่อการฟื้นตัวได้อยู่
ประเด็นลงทุน
• ติดตามอิสราเอลประกาศภาวะสงครามขั้นที่สอง ส่งสัญญาณการรบรุนแรงยิ่งขึ้น โดยกำลังขยายปฏิบัติการภาคพื้นดินในฉนวนกาซา พร้อมด้วยการโจมตีทางอากาศที่รุนแรงขึ้น
• สหรัฐรายงานดัชนี PCE ทั่วไป ก.ย. เพิ่มขึ้น 3.4%YoY สูงกว่าคาด ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ก.ย. ปรับตัวขึ้น 3.7%YoY ตามคาด ด้านดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ต.ค. อยู่ที่63.8 ลดลงจาก ก.ย. ที่ 68.1 สูงกว่าคาดที่ 63.0
• สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนระบุกำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมจีน ก.ย. ปรับตัวขึ้น11.9%YoY เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 บ่งชี้ว่า ศก. จีนเริ่มมีเสถียรภาพ หลังจากรัฐบาลจีนออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของ ศก.
• ธปท. แนะนำ ก. คลังคุมใช้จ่ายภาคการคลัง เร่งลดหนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือน กังวลสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือลดเครดิตไทย หลัง IMF และเวิลด์แบงก์ คาด GDP ปี2567 จะฟื้นตัวช้าและไม่ทั่วถึงในระยะปานกลางจะขยายตัวได้ในระดับ 3% ต่ำสุดในรอบ 30 ปี
• สอน.ออกประกาศราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานเป็น 4 บาท/กก. มีผลตั้งแต่ 28 ต.ค. คาดหวังใช้ในการคำนวณราคาอ้อยและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายประจำฤดูการผลิตปี 2566/67 เพื่อให้ประโยชน์ตกถึงชาวไร่
กลยุทธลงทุน แม้ SET มีโอกาสฟื้นตัว จากคาดแนวโน้มตัวเลขเศรษฐกิจของจีนจะฟื้นตัวและของสหรัฐที่ยังแข็งแกร่ง แต่อย่างไรก็ดี Upside จะยังถูกจำกัด เนื่องจากมีปัจจัยลบที่ต้องติดตามจากความรุนแรงในตะวันออกกลาง ความกังวลเงินเฟ้อและผลตอบแทนพันธบัตรที่สูง รวมถึงท่าทีของเฟดที่ยังคงดอกเบี้ยสูงต่อเนื่อง ขณะที่ปัจจัยในประเทศติดตามประกาศงบ 3Q66 ของหุ้นกลุ่ม Real Sector หลังก่อนหน้านี้กลุ่มธนาคารรายงานกำไร 3Q66 ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด (9M66 กำไรคิดเป็น 75% ของประมาณการทั้งปี) ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
Weekly Portfolio : แม้ SET มีโอกาสฟื้นตัวแต่ Upside ยังถูกจำกัด เนื่องจากรอติดตามสถานการณ์ตะวันออกกลาง และประกาศงบ 3Q66 ของกลุ่ม Real Sector กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้นเก็งกำไร ซึ่งคาดได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันปรับขึ้นหรือทรงตัวในระดับสูง หากความตึงเครียดในตะวันออกกลางไม่ทวีความรุนแรงมากขึ้น (Upside ราคาน้ำมัน 5-10 เหรียญสหรัฐฯ) แนะนำเทรดดิ้งราคาน้ำมัน Brent ในกรอบ 84-94 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เลือก BCP PTTEP TOP
2) หุ้น Undervalued ซึ่งราคาปรับลงมาจนเข้าเขต Oversold และยังมีพื้นฐานดี อีกทั้งValuation ไม่แพง (PER และ PBV 66F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) เลือก BDMS CPALL CPN MINT
3) หุ้นที่คาดผลประกอบการดีต่อเนื่องไปใน 4Q66 (+YoY, +QoQ) เลือก AP AOT BLA BCH CENTEL รวมทั้ง KCE ที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว (+QoQ)
ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG)
โฟกัสหุ้นวันนี้
ADVANC มองเป็นหุ้น Defensive ภายใต้ภาวะตลาดผันผวน โดยคาดจะเห็นกำไรปกติค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้น QoQ และ YoY ใน 3Q66 โดยได้แรงหนุนจากการแข่งขันในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจ FBB ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องและฐานผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น
BCP 3Q66 คาดมีกำไร 4.6 พันลบ. เติบโต 86%YoY และ 902%QoQ แรงหนุนจากค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้นและกำไรสินค้าคงคลัง ขณะที่ valuation ยังไม่แพง โดยมี PER 66F ระดับ 5.3 เท่า และ PBV 0.8 เท่า (-1SD) อีกทั้งคาด Div. Yield ปี 66 น่าสนใจในระดับ 5.5% และจะเพิ่มขึ้นสู่ 8% ในปี 67