แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (30 ม.ค.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET ฟื้นตัวได้ต่อ ด้วย sentiment บวก จากตลาดหุ้นสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ตลาดยังดูขาดปัจจัยหนุน รวมถึงนักลงทุนรอติดตามการประชุมเฟดวันที่ 30-31 ม.ค. ทำให้มองในระยะสั้น upside จำกัด ที่แนวต้าน 1386 และ 1396 จุด ตามลำดับ ด้านแนวรับอยู่ที่ 1370 และ 1360 จุด หากกลับมาต่ำกว่าเป็นลบ
ประเด็นสำคัญ
• สมาชิกสภาคองเกรสหลายรายต่างเรียกร้องให้ ปธน. ไบเดน มีคำสั่งโจมตีอิหร่านเพื่อตอบโต้ที่ทหารสหรัฐได้เสียชีวิตและบาดเจ็บในจอร์แดนจากการโจมตีของกลุ่มติดอาวุธที่มีอิหร่านหนุนหลัง
• ก. คลังสหรัฐคาดจะกู้ยืมเงิน 7.6 แสนล้านเหรียญใน 1Q67 ซึ่งต่ำกว่าประมาณการเดิมและต่ำกว่าตลาดคาด จากการคาดกระแสการเงินสุทธิที่เพิ่มขึ้นและยอดเงินสดคงเหลือที่สูงขึ้น
• สหรัฐต้องการให้บริษัทผู้ให้บริการคลาวด์ตรวจสอบและเปิดเผยข้อมูลลูกค้าต่างชาติที่ใช้แพลตฟอร์มของบริษัทเพื่อพัฒนาแอป AI ทำให้มีแนวโน้มที่ความขัดแย้งทางเทคโนโลยีสหรัฐและจีนรุนแรงขึ้น
• ตลาดคาดจีนอาจจะเผชิญภาวะเงินฝืดอย่างต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 6 เดือนเนื่องจากอุปสงค์ที่ชะลอตัวลงและวิกฤตการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
• ศาลสูงฮ่องกงมีคำสั่งให้บริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ยุติกิจการและขายสินทรัพย์เพื่อนำเงินมาใช้หนี้ที่สูงถึง 2.39 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 3.33 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
• ส.อ.ท. ระบุปี 2566 ยอดส่งออกรถยนต์อยู่ที่ 1.11 ล้านคัน สูงสุดในรอบ 5 ปี ส่วนปี2567 ตั้งเป้าผลิตรถยนต์ 1.9 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 3.17%YoY แบ่งเป็นผลิตเพื่อส่งออก 1.15 ล้านคัน และผลิตเพื่อจำหน่ายใน ปท. 7.5 แสนคัน คาด EV จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
• ก. คลัง ระบุยังเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่อาจล่าช้าออกไปกำหนดเดิมในเดือน พ.ค.67 และยังไม่ได้กำหนดระยะเวลาใหม่ที่ชัดเจนว่าจะเริ่มโครงการดังกล่าวได้ในช่วงใด
กลยุทธลงทุน ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นโลกมีโมเมนตัมปรับขึ้นได้จากตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการของ บจ. ทึ่คาดออกมาดี พร้อมกับคาดจะมีการปรับลดความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดลง ทั้งนี้มองการประชุมเฟดสัปดาห์นี้จะยังไม่ส่งสัญญาณการลดดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. ขณะที่ตลาดหุ้นไทยคาดมีแรงกดดันจากความกังวลผลประกอบการ 4Q66 ของ บจ. ไทยที่อาจออกมาอ่อนแอและยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงเน้น “ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด”
Top Picks
BEM คาดกำไรสุทธิ 4Q66 ที่ 796 ลบ. เติบโต 32%YoY จากปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนและจำนวนผู้โดยสาร MRT ที่เพิ่มขึ้น หนุนให้ปี 2566 คาดมีกำไร 3.4 พันลบ. เติบโต40%YoY และคาดเติบโตอีก 27%YoY ในปี 2024 ตามปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนและจำนวนผู้โดยสาร MRT ที่เพิ่มต่อเนื่อง
GPSC ช่วงสั้นได้ Sentiment บวกจากราคาก๊าซในยุโรปและ Bond Yield ที่ปรับลงขณะที่อยู่ระหว่างปรับสัญญาขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าอุตฯ เป็นอ้างอิงราคาก๊าซฯ เพิ่มขึ้นลดความผันผวนผลประกอบการจากค่า Ft ที่ไม่สอดคล้องต้นทุน ปัจจุบันซื้อขายที่-1SD บน PBV ปี 2567 ที่ 1.1 เท่า