บิ๊กเอสซีจีป้ายแดง 'ธรรมศักดิ์' ส่องโลกมีเซอร์ไพรส์ตลอดยิ่งเพิ่มความผันผวนสูงประกาศพร้อมรับมือทุกวิกฤติ เผยปีนี้คาดยอดขายโต 10% เน้นขายสินค้าคาร์บอนด์ต่ำ ทุ่มงบลงทุน 4 หมื่นลบ ปูรากฐานระยะกลาง 3-5 ปี เข็น บ.ในเครือปรับตัวทั้งผลิตภัณฑ์-กระบวนการผลิตมุ่งสู่สร้างการเติบโต 'Green Growth' ตอบโจทย์ทุกความต้องการสินค้าสู้อุณหภูมิโลกเดือด ตั้งเป้ายอดขายนวัตกรรมกรีน 67% ในปี 2573 พร้อมร่วมสร้างสังคม Net Zero เติบโตยั่งยืน
นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCG เปิดเผยว่า สถานการณ์ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาหลายปีและยังคงเป็นปัญหาต่อไป และแต่ละปีก็จะมีเหตุการณ์เซอร์ไพรส์เกิดขึ้นตลอดไม่ว่าจะเป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์อย่าง โควิด-19 หรือสงคราม ซึ่งเซอร์ไพรส์ที่เกิดขึ้นไม่มีใครควบคุมได้ ทำให้เรายังอยู่ในโลกที่มีความผันผวนสูงต่อไป เพราะฉะนั้น ในช่วง 5-10 ปีข้างหน้า เอสซีจีก็ต้องเตรียมใจกับการเจอเซอร์ไพรส์ต่างๆที่จะเข้ามาอย่างแน่นอน หากเป็นเรื่องความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ ก็จะกระทบต่อราคาน้ำมัน และอีกเรื่อฃที่จะต้องเจอคือ "โลกเดือด" หรือ Climate chang. เป็นปัญหาภัยธรรมชาติ ซึ่งขณะนี้อุณหภูมิขึ้นใกล้จะถึง 1.5 องศา ยิ่งมำให้โลกมีความไม่แน่นอนสูงขึ้นไปอีกในระยะ 5-10 ปีข้างหน้า ตนจึงมั่นใจว่า จะเห็นประเทศต่างๆให้ความสำคัญกับเรื่องการปลดปล่อยคาร์บอนมากขึ้น เอสซีจีจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่ออยู่ร่วมกันไปให้ได้ดังนั้นการออกแบบผลิตภัณฑ์ต่างๆ จะรองรับโลกในอนาคต ซึ่งจากนี้ไป เอสซีจีวางแผนปรับโครงสร้างองค์กรทั้งเครือเพื่อเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว 30-50 ปี ด้วยหลัก ‘Passion for Inclusive Green Growth’
เพราะฉะนั้น จากนี้ไปเอสซีจีจะอยู่ช่วงที่กำลังสร้างฐานการเติบโตไปสู่เป้าหมาย Net Zero. โดยในระยะ 3-5 ปี ทิศทางดำเนินงานของเอสซีจีทั้งกลุ่มจะปรับตัวทั้งด้านผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตต่างๆที่มุ่งไปสู่ Green Growth แม้ตอนนี้ยังเป็นโจทย์ยากในเชิงการทำกำไรก็ตาม แต่ก็มีหน้าที่ต้องเดินหน้าต่อไป
"ถ้าเอสซีจีหวัง 3-5 ปี จะทำธุรกิจให้ได้กำไรสูงๆ ก็ทำได้ไม่ต้องปรับอะไรมากและอยู่กับธุรกิจที่สร้างคาร์บอนสูงต่อไป แต่ถ้าจะให้อยู่ได้ 30 ปี 40 ปี -50 ปี หรือ 100 ปี เราก็ต้องคิด(แผนธุรกิจ)อีกแบบ ที่ผ่านมาเราอยู่มาได้กว่า 100 ปีแล้ว เราก็อยากให้อยู่ไปถึง200 ปี ก็ต้องเดินไปสู่เป้าหมาย Net Zero ควบคู่กับการสร้างผลกำไร จึงต้องมุ่งพัฒนาสินค้าที่ปลดปล่อยคาร์บอนให้น้อยที่สุดหรือ low carbon ซึ่งตอนนี้มีผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์ที่ตอบโจทย์นี้แล้ว คือ ปูน Gen 1 ที่มีดีมานด์เข้ามามาก มีลูกค้าจากอเมริกาสั่งซื้อแล้ว เราคาดจะมีการส่งออกผลิตภัณฑ์เหล่านี้มากขึ้น และกำลังพัฒนา Gen 2 ที่มีคุณภาพดีขึ้นไปอีก และจะต่อ Gen 3 ในปีต่อไปเรา พร้อมกันนี้เราตั้งเป้าหมายมั่งสําบอกขาย 1 ล้านตันในปี 2573"
สำหรับแผนการลงทุนใน ปี 2567 นี้ เอสซีจี ตั้งเป้ารายได้จากยอดขายโต 20% โดยได้เตรียมงบลงทุน 40,000 ล้านบาท เพื่อผลักดันทุกกลุ่มธุรกิจให้เติบโตด้วยนวัตกรรมสีเขียว ที่สำคัญจะต้องทำแล้วได้เงินได้กำไรด้วย เพราะฉะนั้นบุคคลทกรจึงสำคัญมากที่จะนำองค์กรไปสู่เป้าหมาย เอส.รจีจึงประกาศเปิดรับคนรุ่นใหม่ไฟแรงมาปล่อยพชังการทำงานที่สร้างนวัตกรรมใหม่ๆไปกับคนรุ่นเก่าในองค์กรนี้ ที่พร้อมเปิดรับเทคโนโลยีและช่วยกันผลักดันกลุ่มเอสเอ็มอีที่เป็นซัพพลายเชนให้เติบโตไปด้วยกัน
ปัจจุบัน โครงสร้างรายได้ของเอสซีจี มาจากธุรกิจเคมิคอลเป็นสัดส่วนหลัก 40%ของรายได้รวม ธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างสัดส่วนกว่า 30% และธุรกิจแพคเกจจิ้ง20%
นายธรรมศักดิ์กล่าวว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) จึงเป็นภารกิจที่ทุกคนต้องเร่งมือ ซึ่งสอดคล้องกับเมกะเทรนด์โลกที่ผู้บริโภคต่างต้องการสินค้า บริการ โซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยกู้โลกเดือด จึงนำมาสู่โจทย์หลักของเอสซีจีต่อจากนี้ ที่จะมุ่งสร้างสังคม Net Zero ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยนวัตกรรมกรีน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง หรือแนวคิด ‘Passion for Inclusive Green Growth’ ผ่าน 4 เครื่องยนต์หลัก ประกอบด้วย
1) องค์กรคล่องตัว ยืดหยุ่น (Agile Organization) ทรานส์ฟอร์มโครงสร้าง สร้างความคล่องตัว ดันธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพเติบโตสูง เพื่อขยายขีดความสามารถของแต่ละธุรกิจให้พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้อย่างทันท่วงที และความผันผวนของสถานการณ์โลก ประกอบด้วยธุรกิจ ‘เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชัน’ ธุรกิจวัสดุและโซลูชันก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม‘เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง’ ธุรกิจนวัตกรรมวัสดุก่อสร้าง และโซลูชันเพื่อการอยู่อาศัยที่ดีกว่า‘เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น แอนด์ รีเทล’ ธุรกิจจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างและโซลูชันเพื่อการอยู่อาศัยระดับอาเซียน ‘เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC’ ผู้นำตลาดเคมีภัณฑ์ครบวงจรระดับภูมิภาค ซึ่งมุ่งเติบโตทางธุรกิจควบคู่กับความยั่งยืน ‘เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่’ ธุรกิจพลังงานสะอาดครบวงจรที่กำลังขยายไปในอาเซียน
โดยก่อนหน้านี้ได้ผลักดันธุรกิจในเอสซีจีที่มีศักยภาพสูง เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปแล้วอย่าง ‘บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP’ ผู้นำบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน ‘บริษัทเอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดีโลจิสติกส์ จำกัด(มหาชน) หรือ SCGJWD’ ผู้ให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนครบวงจรรายใหญ่สุดในอาเซียน และ ‘บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD’ ผู้นำธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ครบวงจรระดับอาเซียน นอกจากนั้นยังมุ่งสร้างการเติบโตด้วย ‘การลงทุน (Investment & Holding)’ รวมทั้ง‘เทคโนโลยีขั้นสูงและดิจิทัล (Deep Technology & Digital)’
2) นวัตกรรมกรีน (Green Innovations) เร่งพัฒนานวัตกรรม โซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นที่ต้องการสูงของตลาดโลก ให้ทุกคนมีส่วนร่วมสร้างสังคม Net Zero เช่น นวัตกรรมปูนคาร์บอนต่ำ สมาร์ทโซลูชันเพื่อการอยู่อาศัย พลาสติกรักษ์โลก บรรจุภัณฑ์ยั่งยืนที่ใช้ซ้ำ รีไซเคิลได้ พลังงานสะอาดครบวงจร พร้อมขยายเข้าสู่อุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านการวิจัยระดับโลกเพื่อพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน เอสซีจีตั้งเป้ารายได้จากนวัตกรรมรักษ์โลก SCG Green Choice ร้อยละ67 จากยอดขายทั้งหมด ภายในปี 2573 พร้อมทั้งพัฒนากระบวนการผลิตคาร์บอนต่ำ
3) องค์กรแห่งโอกาส สร้างความเป็นไปได้ใหม่ ๆ (Organization of Possibilities) เปิดโอกาสให้พนักงานปล่อยแสงสร้างสรรค์นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ ๆ ผ่านโครงการสตาร์ทอัพในเอสซีจี อาทิ พัฒนาแพลตฟอร์มสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ‘Prompt Plus’ ยกระดับการบริหารจัดการต้นทุนและสต๊อกสินค้าให้แก่ร้านค้ารายย่อยกว่า 10,000 รายในเครือข่ายเอสซีจี การบ่มเพาะสตาร์ทอัพในโครงการ ZERO TO ONE by SCG สร้างโอกาสให้พนักงานก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการ ปั้นธุรกิจศักยภาพสูงมากมาย
4) ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง (Inclusive Society) ชวนทุกคนในห่วงโซ่คุณค่า (Supply Chain) เปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำไปพร้อมกัน ด้วยการผลักดัน ‘สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ เมืองต้นแบบคาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทย’ เพื่อเรียนรู้ปัจจัยความสำเร็จ ข้อจำกัดในการเปลี่ยนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และส่งเสริม ‘การเกษตรคาร์บอนต่ำ’
“เอสซีจี พร้อมนำความรู้ ความเชี่ยวชาญ เทคโนโลยี มาเร่งพัฒนานวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และช่วยให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายปลอดภัย ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ เพื่อให้ทุกคนทั้งอาเซียนและระดับโลกมีคุณภาพชีวิตที่ดีบนสังคม Net Zero” กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี ย้ำทิ้งท้าย