Market

InnovestX คาด  SET  เด้งสลับได้บ้าง แต่กรอบบนจำกัด
12 ก.พ. 2567

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (12 ก.พ.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด  SET สร้างสัญญาณลบทางเทคนิค ล่าสุดลงมาใกล้แนวรับ 1380-1385 จุด ซึ่งอาจมีการดีดขึ้นสลับในระยะสั้นได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมที่เป็นลบ ทำให้กรอบบนถูกจำกัด บริเวณแนวต้าน 1394 และ 1400 จุด ตามลำดับ ส่วนกรณีหลุดต่ำกว่า 1380 จุด เป็นสัญญาณลบต่อ และมีแนวรับถัดไปที่ 1370 จุด 

 

 ประเด็นสำคัญ

• สหรัฐปรับลดตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ธ.ค. จากเดิมที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ โดยดัชนี CPI ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 0.2% MoM ต่ำกว่ารายงานก่อนหน้านี้ที่ระดับ 0.3%

 

• Govt. Bond Yield อังกฤษปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือน หลังนายโจนาธาน แฮสเคล กรรมการ (BoE แสดงความเห็นที่ทำให้นักลงทุนปรับลดคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลด ดบ.

 

• ตัวเลขการปล่อยกู้ใหม่ในจีนในสกุลเงินหยวนอยู่ที่ 4.9 ล้านล้านหยวน มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 4.5 ล้านล้านหยวน และตัวเลขอัตราการเติบโตสินเชื่อทั้งหมดเพิ่มขึ้น10.4%

 

• ความไม่สงบในตะวันออกกลางยังคงดำเนินต่อไปหลังการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในเมือง Rafah เกิดขึ้นหลายระลอก หลังนายกฯ Benjamin Netanyahu สั่งให้อพยพพลเรือนออกจากบริเวณตอนใต้ของฉนวนกาซ่า

 

• เวเนซุเอลาขู่จะใช้กำลังกับ ExxonMobil ต่อแผนการขุดสำรวจในแหล่งน้ำมันในEssequibo ของกายอานา ที่เวเนซุเอลาเข้ามาอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนดังกล่าว

 

• ทอท.เปลี่ยนแผนแม่บทการลงทุนขยายสนามบินระยะ 10 ปีใหม่ หลังจากอุตสาหกรรมการบินกลับมาเติบโตต่อเนื่อง เตรียมนำแผนสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้กลับมา เพื่อลดความแออัดสนามบินสุวรรณภูมิ รองรับผู้โดยสารเพิ่มเป็น 180 ล้านคนต่อไป

 

กลยุทธลงทุน  ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยยังแกว่งตัวอยู่ในกรอบจำกัด เนื่องจากขาดปัจจัยหนุนใหม่และอยู่ระหว่างรอดูผลประกอบการ 4Q66 ของ บจ. ไทยที่จะทยอยออกมา นอกจากนั้นความเสี่ยงเงินเฟ้อของสหรัฐอาจลดลงน้อยกว่าคาด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงเน้น “ตั้งรับสะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด”

 

Weekly Portfolio : ช่วงสั้น SET แกว่งตัวในกรอบจำกัด หลังขาดปัจจัยหนุนและรอดูผลประกอบการ 4Q66 ของ บจ.ไทย กลยุทธ์ลงทุนจึงคงเน้น “ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด” ใน 3 ธีมหลัก ดังนี้

 

1) นักลงทุนที่กังวลตลาดผันผวนเชิงลบแนะนำลงทุนในหุ้นตั้งรับซึ่งคาดจะสามารถชนะตลาดได้ โดยมี Beta ต่ำกว่า 1, ราคาหุ้นปรับตัว YTD ดีกว่า SET เลือก ADVANC AOT BDMS TISCO

 

2) นักลงทุนระยะสั้น (3-4 เดือน) ที่ต้องการลงทุนในหุ้นปันผลคุณภาพดีในเทศกาลจ่ายเงินปันผลและขึ้น XD ในช่วง มี.ค.–พ.ค. นี้ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 66 (หลังหักจ่ายระหว่างกาลแล้ว) เกิน 5% เลือก AP BCP KTB ขณะที่นักลงทุนระยะยาวที่ต้องการลงทุนในหุ้นปันผลคุณภาพดีเพื่อสร้างกระแสเงินสดที่ดีต่อเนื่อง โดยคาดให้ Div. Yield ปี 67 เกิน 5% เลือก AH AP BCP KTB PTT TTB

 

3) นักลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนสะสมแบบ DCA เนื่องจากมองเป็นจังหวะที่ดีที่สุดหลัง SET ปรับลงแรงจนความเสี่ยงลดลงไปมาก และราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก โดยเลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC ซึ่งเป็นหุ้น SET100 ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม และมี ESG Ratings ระดับ AAA/AA, Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง

 

ระยะสั้นแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดผลประกอบการ 4Q66 อาจอ่อนแอกว่าตลาดคาดได้แก่ BJC HMPRO GLOBAL ZEN CPF BTG AU AWC SIRI

 

Top Picks 

TU มองการถอนการลงทุนใน Red Lobster จะส่งผลลบใน 4Q66 แต่จะส่งผลบวกตั้งแต่ปี 2567 คาดปี 2566 ขาดทุนสุทธิ 1.38 หมื่นลบ. จาก คชจ. ด้อยค่าฯ 1.85 หมื่นลบ. แต่จะพลิกมีกำไร 5.7 พันลบ. จากมาร์จิ้นธุรกิจอาหารทะเลดีขึ้น (ต้นทุนวัตถุดิบลดลง) และไม่มีบันทึกขาดทุน Red Lobster

 

CPAXT คาดกำไร 4Q66 เป็นไตรมาสดีที่สุดของปีที่ 3.1 พันลบ. +25% YoY, +85% QoQ บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโตเลขหลักเดียวในระดับสูงจากการขยายร้าน/มอลล์และการเติบโตของ SSS และอัตรากําไรขั้นต้นกว้างขึ้นจากการเน้นขายสินค้าอาหารสดที่มีมาร์จิ้นสูงและ synergy ที่มีมากขึ้น

 

 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com