บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ เปิดผลงานไตรมาส 1/67 กวาดรายได้ 4,847.64 ล้านบาท โต 7.73% ธุรกิจก๊าซ LPG ฟื้นตัวยอดส่งออกพุ่ง รับอานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า ส่งสัญญาณธุรกิจไปได้สวย ตั้งเป้าปี 67 ยอดขายก๊าซ LPG แตะ 820,000 ตัน ดันรายได้พุ่งสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (WP) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2567) ของบริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 4,847.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 347.72 ล้านบาท หรือ 7.73% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 4,499.92 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 32.64 ล้านบาท
สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนให้รายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ฟื้นตัวอย่างชัดเจนโดยเฉพาะภาคครัวเรือน ตามความต้องการใช้มากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับได้รับปัจจัยบวกจากเงินบาทอ่อนค่า และราคาขายก๊าซ LPG ปรับตัวสูงขึ้น ตามราคาตลาดโลก
“ภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทฯยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 1/2567 บริษัทสามารถเพิ่มยอดขายได้ตามเป้า โดยเฉพาะยอดการส่งออก อีกทั้งยังได้รับอานิสงส์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า ขณะเดียวกันดีมานด์ก๊าซ LPG เพิ่มขึ้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงแนวโน้มราคาก๊าซ LPG ที่ปรับตัวสูงขึ้น จึงเชื่อมั่นว่ารายได้ปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ระดับ 18,250 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง”
สำหรับกลยุทธ์ปี 2567 บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนตั้งไว้ที่ 600 ล้านบาท โดยเน้นขยายการลงทุนด้าน Green Energy และยังคงมองหาโอกาสในการขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมที่อยู่ในเมกะเทรนด์ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและพิจารณาว่าจะเป็นรูปแบบการลงทุนเอง หรือร่วมทุนกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ เช่น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม, EV และ Battery Storage ฯลฯ เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่า ในปี 2567 บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยคาดว่ายอดขายก๊าซ LPG จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 820,000 ตัน แบ่งเป็นยอดขายภายในประเทศจำนวน 790,000 ตัน และส่งออก จำนวน 30,000 ตัน
ขณะที่การลงทุนในธุรกิจติดตั้งระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) ปัจจุบันมีการเซ็นสัญญาไปรวมทั้งสิ้น 11 เมกะวัตต์ มั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recuring Income) ให้กับกลุ่มบริษัท โดยตั้งเป้าหมายกำลังการผลิตรวมทั้งหมดอยู่ที่ 20 เมกะวัตต์ภายในปี 2567