ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล (“กองทรัสต์ WHAIR”) ลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สิน ครั้งที่ 5 มูลค่ารวมประมาณ 1,064.75 ล้านบาท มีพื้นที่เช่าภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 468,990 ตารางเมตรดันมูลค่าทรัพย์สินรวมแตะ 14,000 ล้านบาท ชูความโดดเด่นของทรัพย์สินศักยภาพบนพื้นที่ EEC ถึง 92% ที่ให้ประมาณการอัตราเงินปันผล (Dividend Yield) 8.33% จ่อเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิม(RO) ในวันที่ 18 – 22 พฤศจิกายน และประชาชนทั่วไป(PO) วันที่ 26 – 28 พฤศจิกายนนี้ คาดโอนทรัพย์สินเสร็จปลายไตรมาส 4/2567
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ภายใต้ WHA Group เปิดเผยในฐานะเจ้าของทรัพย์สิน (Sponsor) และผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ว่า ทิศทางและภาพรวมของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทฯ มีแนวโน้มที่แข็งแกร่ง เนื่องจากปัจจัยจากการย้ายฐานการผลิตและการลงทุนจากจีนมายังอาเซียนรวมถึงประเทศไทย โดยในปัจจุบัน บริษัทฯ มีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้งประเทศไทยและเวียดนามทั้งหมด78,000 ไร่ เป็นนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยที่อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 12 แห่ง และยังมีโครงการขยาย/พัฒนานิคมฯ ใหม่ 6 โครงการ โดยบริษัทฯ เป็นผู้นำอันดับหนึ่งในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมด้วยบริการอย่างครบวงจรในประเทศไทย ซึ่งนิคมอุตสาหกรรมของ WHA Groupส่วนใหญ่อยู่ในบริเวณเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นจุดยุทธ์ศาสตร์ศูนย์กลางการลงทุนของประเทศ ประกอบกับนิคมอุตสาหกรรมของ WHA Group ใน Eastern Seaboard เป็นพื้นที่ลงทุนของกลุ่มคลัสเตอร์ยานยนต์และชิ้นส่วน และเป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่สำคัญของประเทศไทย อาทิ BYD, Changan, Mazda, Ford, Isuzu, Great Wall Motor และ MG เป็นต้น
สำหรับทรัพย์สินที่ขายเข้ากองทรัสต์ WHAIR ครั้งนี้ ทั้งหมดตั้งอยู่ในเขต EEC ทั้งในพื้นที่จังหวัดระยองและชลบุรีที่มีความโดดเด่นด้านทำเลที่มีศักยภาพสูงที่สามารถดึงดูดนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติได้เป็นอย่างดี เนื่องจาก EEC เป็นเขตเศรษฐกิจอุตสาหกรรมที่รัฐบาลให้การสนับสนุนโดยเร่งขับเคลื่อนผลักดันพื้นที่นำร่องในเฟสแรกเป็นต้นแบบในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) และมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศครอบคลุมอุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่, อุตสาหกรรมดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์, อุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ, อุตสาหกรรมการขนส่งโลจิสติกส์ ซึ่งการเติบโตขึ้นของกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ และการย้ายฐานการผลิต ตลอดจนการเติบโตของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ส่งผลบวกทั้งต่อธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในทำเลดังกล่าว รวมถึงความต้องการเช่าพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าให้เช่าของ WHAIR ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทฯ เป็นอย่างมาก ทำให้เชื่อมั่นว่ากองทรัสต์ WHAIR จะสร้างโอกาสการลงทุนและผลตอบแทนอย่างมั่นคงให้กับนักลงทุน
นางสาวจารุชา สติมานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ WHAIR เปิดเผยว่า ทรัพย์สินที่กองทรัสต์เข้าลงทุนในปัจจุบัน 91% ตั้งอยู่บนพื้นที่ EEC ซึ่งถือเป็น Magnet ในการดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลกให้เข้ามาลงทุนจนส่งผลให้ภาครัฐบาล ต้องเร่งขับเคลื่อนผลักดันให้พื้นที่ EEC เป็นต้นแบบ “สมาร์ท ซิตี้” และถือเป็นทําเลที่มีศักยภาพสูงในการจัดหาผู้เช่า สะท้อนให้เห็นจากผลการดําเนินงานของกองทรัสต์ โดยมีอัตราการเช่า ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2567 สูงถึง 93.5% ขณะเดียวกันทรัพย์สินที่เข้าลงทุนบางส่วนตั้งอยู่ในพื้นที่เขตปลอดอากร (Free Zone) ซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์ในการลงทุนจากกรมศุลกากร ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าวจึงส่งผลเชิงบวกต่อกองทรัสต์ WHAIR ที่จะเชื่อมโยงให้กลุ่มนักลงทุนทั้งคนไทย และต่างชาติ ให้ความสนใจเช่าทั้งโรงงาน และคลังสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
กองทรัสต์ WHAIR จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมในสิทธิการเช่าระยะเวลา 30+30 ปี ในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างอาคารโรงงาน คลังสินค้าสำเร็จรูป จำนวน 10 ยูนิต ใน 4 โครงการ พื้นที่รวมทั้งหมด 40,172 ตารางเมตร ประกอบด้วย
1. สิทธิการเช่าที่ดินและอาคารประเภทโรงงานจำนวน 6 ยูนิต ประกอบด้วยโรงงานแบบ DetachedBuilding จำนวน 3 ยูนิต และโรงงานแบบ Attached Building จำนวน 3 ยูนิต ในโครงการนิคมอุตสาหกรรม ดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 1
2. สิทธิการเช่าที่ดินและอาคารประเภทโรงงานแบบ Detached Building จำนวน 1 ยูนิต ในโครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36
3. สิทธิการเช่าที่ดินและอาคารประเภทโรงงานแบบ Attached Building จำนวน 1 ยูนิต ในโครงการดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์พาร์ค 1
4. สิทธิการเช่าที่ดินและอาคารประเภทคลังสินค้าจำนวน 2 ยูนิต ในโครงการดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์พาร์ค 3 และทรัพย์สินที่จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมในครั้งนี้มีอัตราการเช่าพื้นที่เต็ม 100% (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2567) สะท้อนถึงทรัพย์สินที่ดีมีคุณภาพ และศักยภาพในการสร้างรายได้ โดยการลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินครั้งนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่ง ทั้งการเติบโตของ WHAIR ขยายพอร์ตสินทรัพย์ การกระจายความเสี่ยงของ Portfolio และโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาวให้แก่นักลงทุน โดยภายหลังการลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินครั้งนี้ จะส่งผลให้กองทรัสต์ WHAIR มีมูลค่าสินทรัพย์รวมสูงกว่า 14,000 ล้านบาท และมีพื้นที่เช่าภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 468,990 ตารางเมตร โดยคาดโอนทรัพย์สินเสร็จปลายไตรมาส 4/2567
นายสาวิตร ศรีศรันยพงศ์ ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ WHAIR เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดทุนปรับตัวดีขึ้น รวมถึงแนวโน้มนโยบายการเงินและทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาลง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว 2 รอบ ตั้งแต่กันยายนที่ผ่านมา และสำหรับประเทศไทยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว 0.25% เมื่อเดือนตุลาคม และคาดการณ์ว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะยังต่อเนื่องไปจนถึงปี 2568 ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของดอกเบี้ยขาลงอย่างสมบูรณ์ที่ไม่เกิดขึ้นอย่างยาวนานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาทำให้ดัชนีราคาของ Property Fund & REIT (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์และรีท) เริ่มทยอยปรับตัวขึ้น จึงถือเป็นจังหวะที่ดีของนักลงทุนในการเลือกลงทุนในกองรีทที่มีผลงานคุณภาพดี ซึ่งผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ได้มีเพียงแค่ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่่สม่ำเสมอยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการปรับตัวของราคา
นางสาวจิตติสา เจริญพานิช ผู้บริหารงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ WHAIR กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงทุนเพิ่มเติมของกองทรัสต์ในครั้งนี้ มีประมาณการอัตราเงินจ่ายประโยชน์ตอบแทนปีแรก(Dividend Yield) ภายหลังการเพิ่มทุนครั้งนี้ สูงถึง8.33%
สำหรับการระดมทุนโดยการเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนของ WHAIR ในครั้งนี้ เพื่อนำเงินไปลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมมูลค่ารวมประมาณ1,064.75 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง) โดยจะมีแหล่งเงินทุนมาจากการออกและเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนมูลค่ารวมไม่เกิน 720.65 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะมาจากเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และเงินสดของกองทรัสต์ โดยสำหรับการเพิ่มทุนครั้งนี้ เปิดโอกาสให้ทั้งผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิม และประชาชนทั่วไปเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ WHAIR โดยสำหรับผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิม สามารถจองซื้อได้ผ่าน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระหว่างวันที่ 18 – 22 พฤศจิกายน 2567 และจองซื้อที่ราคาเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมสูงสุดที่ 6.60 บาท (กรณีที่ราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่าราคาเสนอขายสูงสุด ผู้จองซื้อจะได้รับเงินส่วนต่างคืนภายในระยะเวลาที่ได้ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน) และสำหรับประชาชนทั่วไปสามารถจองซื้อได้ผ่าน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และผู้จัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ที่ได้รับการแต่งตั้ง ได้แก่ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัดระหว่างวันที่ 26 – 28 พฤศจิกายน 2567 และจองซื้อที่ราคาเสนอขายสุดท้าย (ซึ่งจะมีการประกาศให้ทราบอีกครั้ง)