บมจ. ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย ธุรกิจออกแบบ ผลิตเครื่องมือ และชิ้นส่วนแบบปั๊มขึ้นรูปโลหะสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ 8 ต.ค. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 500 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “TATG”
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai ยินดีต้อนรับ บมจ. ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “TATG” ในวันที่ 8 ตุลาคม 2567
TATG และบริษัทย่อยประกอบธุรกิจหลัก 2 ประเภท ได้แก่ (1) ธุรกิจออกแบบและผลิตเครื่องมือสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ (Tooling) อาทิ แม่พิมพ์ปั๊มขึ้นรูปโลหะ (Stamping Dies) อุปกรณ์จับยึดเพื่อการตรวจสอบ (Checking Fixtures) อุปกรณ์จับยึดเพื่อการประกอบ (Assembly Jigs) และ (2) ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แบบปั๊มขึ้นรูปโลหะ (Automotive Press Parts) โดยได้นำเทคโนโลยีและเครื่องจักรที่ทันสมัย ตั้งแต่ขนาด 200 – 2,000 ตัน มาใช้ในการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพและหลากหลายรูปแบบ ทั้งการผลิตในปริมาณมาก (Mass Production) และการผลิตที่เน้นความพิถีพิถันสูง รวมถึงการนำระบบชุบเคลือบสีด้วยไฟฟ้า EDP (Electro Deposition Paint) มาใช้เพื่อให้ชิ้นส่วนมีคุณภาพและทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดีขึ้น นอกจากนี้ บริษัทเตรียมพร้อมเพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า โดยลงทุนในการวิจัยและพัฒนาแม่พิมพ์โลหะที่สามารถใช้ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งในปัจจุบันและอนาคตอีกด้วย
TATG มีทุนชำระแล้วหลังเสนอขาย 400 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก จำนวนรวม 100 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ผู้มีอุปการคุณของบริษัทและบริษัทย่อย และกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานบริษัทและบริษัทย่อย ระหว่างวันที่ 30 กันยายน – 2 ตุลาคม 2567 ในราคาหุ้นละ 1.25 บาท คิดเป็นมูลค่าการเสนอขาย IPO 125 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 500 ล้านบาท ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO พิจารณาอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio: P/E Ratio) เท่ากับ 5.2 เท่า ซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิ 12 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2566 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (fully diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.24 บาท โดยมี บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
ดร. พยุง ศักดาสาวิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย เปิดเผยว่า บริษัทมีเป้าหมายก้าวสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมการผลิตแม่พิมพ์โลหะ อุปกรณ์จับยึด และการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ คุณภาพสูงในภูมิภาคเอเชีย ด้วยจุดแข็งที่มีทีมผู้บริหารและทีมงานมีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในธุรกิจรถยนต์ยาวนานกว่า 30 ปี บริษัทมีความพร้อมทั้งด้านเทคโนโลยี ฐานการผลิตที่ทันสมัย ได้มาตรฐานสากล มีการบริการแบบครบวงจร (One Stop Service) ทำให้ได้รับการยอมรับและไว้วางใจจากลูกค้า ที่เป็นแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำและผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การเติบโตจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า บริษัทจึงได้ยกระดับสายการผลิตให้เป็นระบบอัตโนมัติเพื่อรองรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในอนาคต สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนนั้น จะมีการจัดสรรไปใช้ลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติมเพื่อยกระดับองค์กรสู่มาตรฐานสากล อีกทั้งเงินส่วนหนึ่งจะนำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินช่วยให้ต้นทุนการเงินต่ำลง และที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ
TATG มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ กลุ่มครอบครัวศักดาสาวิตร ถือหุ้นร้อยละ 33.5 กลุ่มครอบครัวหฤทัย ถือหุ้นร้อยละ 25.2 และกลุ่มครอบครัวเหล่าสินชัย ถือหุ้นร้อยละ 9.3 บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมาย
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ สามารถดูรายละเอียด จากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.thaiautotools.co.th และ www.set.or.th