แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (6 ม.ค.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET เคลื่อนไหวผันผวนโดยสัญญาณเทคนิคที่เข้าสู่ภาวะ oversold ทำให้แนวรับบริเวณ 1350 จุด คาดยังเป็นจุดรองรับได้ อย่างไรก็ตาม สัญญาณในภาพรวมที่ยังอ่อนแรง และตลาดที่ขาดปัจจัยหนุน ทำให้การฟื้นตัวมีกรอบบนที่จำกัดบริเวณแนวต้าน 1365 จุด ซึ่งใช้เป็นจุดติดตามหากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเห็นภาพการฟื้นตัวชัดขึ้น
ประเด็นสำคัญ
• ISM รายงานดัชนี PMI ภาคบริการของสหรัฐ ก.พ. ปรับลดลงต่ำกว่าคาด ขณะที่ S&P รายงานดัชนี PMI ภาคบริการขั้นสุดท้าย ก.พ. ปรับลดลงแต่สูงกว่าคาด ด้านคำสั่งซื้อภาคโรงงาน ม.ค. ลดลงต่ำกว่าคาด
• ทางการจีนประกาศเป้าหมายการเติบโต ศก. ปีนี้ที่ 5%YoY พร้อมให้สัญญาเดินหน้าปฏิรูปโครงสร้างการเติบโต ลดความเสี่ยงจากการล้มละลายของบริษัทอสังหาฯ และรัฐบาลท้องถิ่นที่มีหนี้สินเรื้อรัง
• หุ้นแอปเปิ้ลปรับลดลง 2.8%DoD หลังมีรายงานบ่งชี้ว่ายอดขายไอโฟนในจีนร่วงลง24%YoY ในรอบ 6 สัปดาห์แรกของปีนี้ ขณะที่แอปเปิ้ลเผชิญกับการแข่งขันมากขึ้นจากคู่แข่งในจีน เช่น หัวเว่ย
• พาณิชย์ รายงานตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไป ก.พ.67 ลดลง 0.77%YoY ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 จากราคาอาหารสด ปรับลดลง รวมทั้งมาตรการลดค่าครองชีพของรัฐ และฐานปีก่อนสูง ส่วนยอดรวม 2 เดือนปีนี้ ลดลง 0.94% คงเป้าทั้งปีติดลบ 0.3% ถึง 1.7%
• ก. คลัง-ธปท. เปิดเผยเกณฑ์การจัดตั้งธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) มุ่งสู่การเงินยุคดิจิทัลและศูนย์กลางการเงินอาเซียน ทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 5 พันลบ. ยื่นคำขออนุญาตได้ภายใน 6 เดือนและคาดรู้ผลจัดตั้งได้ใน 1H68 หวังกระตุ้นการแข่งขันเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ฝากเงิน
• นายกฯ ไทยเตรียมหารือนายกฯ ออสเตรเลีย เดินหน้า FTA 2 ปท. หลังมูลค่าการค้าโต 186% เน้นความร่วมมือ 3 ด้านหลักยกระดับ ศก. – ท่องเที่ยว อาทิ มาตรการฟรีวีซ่าลงทุนแบตเตอรี่ EV ขนส่ง ขยาย data center หนุนกองทุนสุขภาพ เพิ่มเม็ดเงินลงทุนไทย
กลยุทธลงทุน ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเงินฝืดและการผลิตที่หดตัวต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดคาดตัวเลขเงินเฟ้อ ก.พ. ของไทยจะมีแนวโน้มติดลบเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ซึ่งอาจจะส่งผลให้มีแรงหนุนจากความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในระยะถัดไป ส่วนการประชุมนโยบายการเงินของ ECB ตลาดคาดจะยังคงที่ระดับ 4.0% ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
Top Picks
BDMS 1Q67 มองกำไรยังเติบโตแข็งแกร่งทั้ง YoY และ QoQ ขณะที่ปี 2567 คาดกำไรปกติจะเติบโต 8% สู่ 1.5 หมื่นลบ. แรงหนุนจากรายได้ที่เติบโต 6% และ EBITDA margin ที่กว้างขึ้น อีกทั้ง Valuation ไม่แพง โดยเทรดที่ PER 67F ระดับ 29 เท่า ต่ำกว่าระดับ -2SD ของ PER เฉลี่ยในอดีต
HTC 1Q67 คาดกำไรปกติจะเติบโต QoQ และอ่อนตัวลงเล็กน้อย YoY โดยแม้ยอดขาย 2M67 คาดจะเติบโตได้ 2 หลัก แต่ฐาน มี.ค. 66 เป็นช่วงที่ยอดขายสูงก่อนปรับราคาขาย คาดปี 2567 มีกำไรสุทธิ 686 ลบ. เติบโต 11%YoY ทำฐานสูงใหม่ หนุนจากนทท. ในภาคใต้ที่เพิ่มขึ้น และยังครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1