บมจ.สุพรีม ดิสทิบิวชั่น ราคาเปิดเทรดวันแรกพุ่งเหนือจอง 31.54% จากไอพีโอ 2.60 บาท ตอกย้ำผู้นำธุรกิจ SI นักลงทุนเชื่อมั่นปัจจัยพื้นฐาน โชว์ Backlog กว่า 440 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ปี 67-68 พร้อมเดินหน้าประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐ ทั้งลุยปิดดีล M&A ต่อยอดธุรกิจ หนุนผลงานโตกระฉูด
นายภานุวัฒน์ ขันธโมลีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SPREME เปิดเผยว่า หุ้น SPREME ได้เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กลุ่มอุตสาหกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เป็นวันแรก ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วไปอย่างดีเยี่ยม โดยมีราคาเปิดซื้อขายที่ 3.42 บาท เพิ่มขึ้น 0.82 บาท หรือ 31.54% เทียบจากราคาไอพีโอที่ 2.60 บาท/หุ้น สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ในฐานะผู้นำธุรกิจ System Integrator ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ของโลกและมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ตามแนวทางการพัฒนาด้านการศึกษาของประเทศ และการพัฒนาประเทศเข้าสู่รูปแบบ เมืองอัจฉริยะ (Smart City) และความปลอดภัยสาธารณะ (Public Safety)
ปัจจุบันบริษัทฯ มีมูลค่างานในมือ (Backlog) ณ 31 ธันวาคม 2566 อยู่ที่กว่า 440 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในปี 2567-2568 และพร้อมเข้าประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ 4-5 โครงการ มูลค่าโครงการมากกว่าพันล้านบาท รวมถึงเดินหน้าลงทุนซื้อกิจการเพื่อต่อยอดธุรกิจเดิมของบริษัทฯ (M&A)
“ผมขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้การตอบรับหุ้น SPREME เป็นอย่างดี ทีมงานและผู้บริหารของบริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนที่วางไว้ ทั้งการเข้าประมูลงานภาครัฐขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าโครงการมากกว่าพันล้านบาท ภายในอนาคตอันใกล้นี้ และการทำ M&A เพื่อต่อยอดธุรกิจ SI ที่มีความเชี่ยวชาญ ผมเชื่อมั่นว่าเรามีความพร้อมในการพัฒนาและขยายธุรกิจให้มีศักยภาพการเติบโตต่อไปข้างหน้า และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต” นายภานุวัฒน์ กล่าว
ด้านนายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า การเข้าเทรดในวันแรกของ SPREME ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม เนื่องจากเป็นหุ้นไฮบริด เป็นทั้ง Growth Stock และ Dividend Stock นักลงทุนมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ที่มีความแข็งแกร่ง โดยเม็ดเงินที่ได้จากการเสนอขายไอพีโอในครั้งนี้ จะใช้เป็น เงินทุนรองรับการประมูลโครงการที่มีขนาดใหญ่, เพื่อลงทุนซื้อกิจการเพื่อต่อยอดธุรกิจเดิมของบริษัทฯ (M&A) และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง และสนับสนุนการเติบโตที่มั่นคงในอนาคต
ทั้งนี้ SPREME ได้เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 200,000,000 หุ้น คิดเป็น 27.03% ของจำนวนหุ้นสามัญที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด โดยผู้ถือหุ้นใหญ่สมัครใจ Lockup หุ้นส่วนที่ไม่ติด Silent Period ตามเกณฑ์ SET ทั้งหมด เป็นเวลา 45 วัน
นายธีรฉัตร ศิลปสนธยานนท์ ผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ เชื่อว่า SPREME จะเป็นหุ้นที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุนในอนาคต เนื่องจากมีศักยภาพในการเติบโตจากแผนการเข้าประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ที่สนับสนุนการนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในระบบการศึกษา และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ดีให้ประชาชน รวมทั้ง แนวทางการพัฒนาประเทศเข้าสู่รูปแบบ Smart City และ Public Safety
นอกจากนี้ มองว่า SPREME เป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ มีความมั่นคงด้านรายได้ ซึ่งบริษัทฯ สามารถรายได้อย่างสม่ำเสมอทั้งจากธุรกิจด้าน SI , ธุรกิจให้บริการดูแลบำรุงรักษาและซ่อมแซมระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง (MA) และธุรกิจให้เช่าระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง รวมทั้งรายได้ใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นจากการทำ M&A ในอนาคต