"ดีโอดี ไบโอเทค " หยุดดำเนินงานบริษัทย่อย “สยาม เฮอเบิล เทค” เพื่อยุติผลการขาดทุนต่อเนื่อง มุ่งสู่ Core Business ตั้งเป้าโกยยอดขายเข้ากระเป๋าจากออเดอร์การผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 250 - 300 ล้านบาท และยอดขายจาก AWL ประมาณ 150 ล้านบาท ล่าสุดคว้าออเดอร์ใหม่จาก “อินฟลูเอนเซอร์ นักขายออนไลน์ ระดับ Top seller ใน TikTok และกลุ่มคลินิกเสริมความงาม เข้าพอร์ตแล้ว มั่นใจ 6 เดือนสุดท้ายยอดออเดอร์ปัง
นายต่อลาภ ไชยเชาวน์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติหยุดดำเนินงาน บริษัท สยาม เฮอเบิล เทค จำกัด (SHT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ DOD ถือหุ้นในสัดส่วน 87% ซึ่งดำเนินธุรกิจโรงสกัดพืชสมุนไพร ทั้งนี้เพื่อลดผลการขาดทุนเฉลี่ยไตรมาสละ 13 ล้านบาท จากนี้มุ่งเน้นดำเนินงานในธุรกิจหลัก (Core Business) ในรูปแบบรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (OEM) แบบครบวงจร ควบคู่กับการลงทุนในธุรกิจที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯ ได้ทันที อย่างบริษัท ออสเวลไลฟ์ จำกัด (AWL)
“จากการดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กรทำให้เกิดค่าใช้จ่ายครั้งเดียว (One Time Expenses) ในไตรมาสที่ 2 จำนวน 49.25 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการด้อยค่าสินค้าคงเหลือ ส่งผลให้มีอัตรากำไรขั้นต้นลดลงจากร้อยละ 37.96 เหลือ 9.95 แต่หากปรับรายการนี้ออกเพื่อสะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรกติ (Normalized Gross Margin) จะพบว่า อัตรากำไรขั้นต้นปรับขึ้นเป็นร้อยละ 41.76 ซึ่งสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และทำให้เปลี่ยนขาดทุนจากการดำเนินงาน 48 ล้านบาท เป็นกำไรจากการดำเนินงานปรกติ (Normalized Operating Profit) 1.25 ล้านบาท อีกทั้งได้ดำเนินการหยุดดำเนินงาน SHT ส่งผลให้เกิดค่าใช้จ่ายอื่นครั้งเดียว (One Time Expenses) จำนวน 142.63 ล้านบาท ดังนั้น หากปรับรายการนี้ออกเพื่อจะสะท้อนกำไร (ขาดทุน) ปกติก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ จะเปลี่ยนจากขาดทุนฯ 190.18 ล้านบาท เป็นกำไรฯ 1.70 ล้านบาท” นายต่อลาภ กล่าว
และการปรับโครงสร้างกิจการในครั้งนี้ จะมุ่งหยุดการดำเนินงานบริษัทย่อยที่มีผลขาดทุนมาโดยตลอด ให้เหลือเฉพาะบริษัทที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและมีแนวโน้มเติบโตอย่างยั่งยืน ดังนั้นกลุ่มบริษัท ประกอบด้วย ฐานการผลิต เป็น บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) (DOD) และฐานการค้าปลีก เป็น บริษัท ออสเวลไลฟ์ จำกัด (AWL) และ บริษัท เอ เมตาเวิร์ส จำกัด (AMV) หากพิจารณาจากผลประกอบการ 6 เดือน ปี 2567 ซึ่งเป็นการหักรายการระหว่างกันแล้ว มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
• ฐานการผลิต DOD มีรายได้ 187.82 ล้านบาท และมีกำไรจากการดำเนินงาน (Normalized Operating Profit) เท่ากับ 9.66 ล้านบาท
• ฐานการค้าปลีก AWL มีรายได้ 120.40 ล้านบาท และมีกำไรจากการดำเนินงาน (Normalized Operating Profit) เท่ากับ 26.15 ล้านบาท และ AMV มีรายได้ 18.00 ล้านบาท และมีกำไรจากการดำเนินงาน (Normalized Operating Profit) เท่ากับ 6.28 ล้านบาท
รวมฐานการผลิตและฐานการค้าปลีก มีกำไรจากการดำเนินงาน (Normalized Operating Profit) เท่ากับ 42.09 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในครึ่งปีหลัง จะมุ่งเน้นดำเนินการในธุรกิจหลักที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯ โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้มีการลงทุนซื้อเครื่องจักร 2 เครื่อง ได้แก่ 1.เครื่องจักรผลิตผลิตภัณฑ์รูปแบบกัมมี่ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ทันสมัย และมีกำลังการผลิตเฉลี่ยสูงถึง 1 ล้านชิ้นต่อเดือน เพื่อซัพพอร์ตลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยเครื่องจักรจะเข้ามาในไตรมาส 4/2567 นี้ และจะเริ่มมีรายได้จากการผลิตกัมมี่เข้ามาในช่วงปลายปี 2567 ทันที โดยเครื่องจักรดังกล่าวจะมีกำลังผลิตสูง ผลิตได้เร็วขึ้น ทำให้ปริมาณการผลิตทำได้มากขึ้น ขณะที่ต้นทุนต่ำ ทั้งนี้ ปัจจุบันตลาดผลิตภัณฑ์อาหารเสริมรูปแบบกัมมี่ ได้รับความนิยมในตลาดผู้บริโภคสูงขึ้น ซึ่งเป็นการ ต่อยอดจากการผลิตในรูปแบบผลิตภัณฑ์ชงดื่ม เม็ด เจลลี่ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังสั่งเครื่องจักรแบบออโต้สปีด โดยเครื่องจักรดังกล่าวสามารถลดต้นทุนการบริหารจัดการการผลิตได้ดี ทำให้มีรอบการผลิตเร็วขึ้น ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายของ DOD ลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ
ล่าสุด DOD มียอดคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) เข้ามาจำนวนมาก จากยอดออเดอร์ใหม่ จากอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) นักขายออนไลน์ ระดับ top seller ใน tiktok และยังมีกลุ่มคลินิกเสริมความงามขนาดใหญ่ เข้ามาสั่งออเดอร์อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ลูกค้าเดิมของ DOD ก็มีการขยายช่องทางการจำหน่ายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรดมากขึ้น ส่งผลให้มีการสั่งออเดอร์ซ้ำ (ยอดรีพีช) เข้ามาต่อเนื่อง
บริษัทฯ ได้ตั้งเป้ายอดขายจากธุรกิจหลักในครึ่งปีหลังอยู่ที่ประมาณ 250 - 300 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้ายอดขายจากบริษัท ออสเวลไลฟ์ จำกัด (AWL) ดำเนินการจำหน่ายสินค้าภายใต้ แบรนด์ “Auswelllife” ซึ่งนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย ไว้ที่ประมาณ 150 ล้านบาท ดังนั้นหากยอดขายเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้จะส่งผลให้ผลการดำเนินงานของ DOD ตั้งแต่ครึ่งปีหลังเป็นต้นไปจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติอย่างแน่นอน