แนวโน้มตลาดวีนนี้ (21 มิ.ย.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET ยังขาดปัจจัยหนุน และปัจจัยการเมืองยังกดดัน รวมถึงทิศทาง fund flow ไหลออก ทำให้กรอบบนยังถูกจำกัดบริเวณแนวต้าน 1305-1310 จุด ขณะที่ภาวะ oversold ทางเทคนิค ทำให้แนวรับบริเวณ 1290 จุด ยังรองรับได้ ส่งผลให้คาดดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1290-1310 จุด
ประเด็นสำคัญ
• จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐลดลงสู่ 2.38 แสนราย สูงกว่าตลาดคาด บ่งชี้การชะลอตัวของตลาดแรงงาน ทำให้นลท. คาดหวัง Fed จะปรับลด ดบ. ในปีนี้
• BoE มีมติ 7-2 ในการคง ดบ. ที่ระดับ 5.25% สูงสุดในรอบ 16 ปี ก่อนการเลือกตั้งของอังกฤษในวันที่ 4 ก.ค.นี้ ซึ่งสอดคล้องกับตลาดคาด
• สัญญาน้ำมันดิบ WTI และ Brent วานนี้ขยับขึ้น หนุนจาก EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐลดลงมากกว่าตลาดคาด รวมทั้งความตึงเครียดใน ตอ. กลาง หลังอิสราเอลโจมตีฉนวนกาซาวานนี้
• สมาคมผู้ผลิตรถยนต์ยุโรป ระบุยอดขายรถยนต์BEV ใหม่ใน EU พ.ค. ลดลง 12%YoY ขณะที่ยอดขายรถยนต์ใหม่รวม พ.ค. ลดลง 3%YoY
• Syntun บริษัทด้านข้อมูลค้าปลีกดิจิทัล ระบุยอดขายในช่วงเทศกาลชอปปิงกลางปี 618 ของจีนลดลง 7%YoY เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ส่งสัญญาณว่าการฟื้นตัวของตลาดการบริโภคของจีนยังคงซบเซา
• ก. คลังระบุช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 67 (ต.ค.66-พ.ค.67) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิจำนวน 1.67 ล้านลบ. ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 2.6 หมื่นลบ. หรือ 1.5% สาเหตุสำคัญเป็นผลจากการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตที่ต่ำกว่าประมาณการ
• ก. คมนาคม ระบุกรณีที่ DMT ประกาศขึ้นค่าผ่านทางดอนเมืองโทลล์เวย์อีก 5-10 บ. ตั้งแต่ 22 ธ.ค. นี้ โดยอ้างเป็นไปตามสัญญาสัมปทานนั้น ได้สั่งให้กรมทางหลวงหารือชะลอปรับขึ้นค่าผ่านทางเพื่อลดผลกระทบค่าครองชีพของ ปชช.
กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นมอง SET ยังผันผวนและเปราะบาง จากกังวลความเสี่ยงการเมืองในประเทศยืดเยื้อ โดยเมื่อ 18 มิ.ย. ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ตัดสินคดีคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีและคดียุบพรรคก้าวไกล โดยนัดพิจารณาต่อในเดือน ก.ค. จึงทำให้คาด SET จะยังมีแนวโน้ม Underperform ตลาดหุ้นในภูมิภาค ท่ามกลางตัวเลขยอดการผลิตรถยนต์และการส่งออกของไทยที่คาดจะยังอ่อนแอ ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนและสหรัฐมีการฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่วน BoE มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.25% ตามตลาดคาด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
Top Picks
CPALL มองราคาหุ้น Undervalue ปัจจุบันซื้อขายบน PER 67F ระดับ 21.4 เท่า (-2S.D. ค่าเฉลี่ย PER 10 ปี) สวนทางกำไรที่แข็งแกร่ง โดยปี 2567 คาดมีกำไรปกติ 2.3 หมื่นลบ. โต 28%YoY จากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น ดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง อีกทั้งประมาณการยังไม่รวม upside จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
TOP ระยะสั้นคาดได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันปรับขึ้น ขณะที่ค่าการกลั่นมองอยู่ที่จุดต่ำสุดแล้วและกำลังรอฟื้นตัว จากความต้องการใช้น้ำมันเบนซินและน้ำมันเครื่องบินตามฤดูกาล อีกทั้งผลการดําเนินงานธุรกิจอะโรเมติกส์คาดจะปรับตัวดีขึ้น จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่ง หนุนจากอุปทานที่ตึงตัวในเอเชีย