SAFE เข้าเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วางยุทธศาสตร์ต่อยอดจุดแข็งให้บริการรักษาภาวะมีบุตรยากสร้างการเติบโตให้องค์กรอย่างยั่งยืน มุ่งสู่ผู้นำด้านรักษาผู้มีบุตรยาก ด้านวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนและเวลเนสในภูมิภาคเอเชีย ขณะที่ผลงานงวด 6 เดือนแรกของปีนี้โชว์ฟอร์มดี ทำกำไรสุทธิกว่า 87 ล้านบาท
นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธ์ทางการแพทย์ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SAFE เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำหุ้น SAFE เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรก (2 พฤศจิกายน 2566) ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หลังประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 76,748,600 หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 21 บาท นับเป็นก้าวสำคัญของ SAFE เพื่อรองรับแผนการขยายการให้บริการรักษาภาวะมีบุตรยากและห้องปฏิบัติการด้านพันธุศาสตร์ของกลุ่มบริษัทฯ ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เติมเต็มความฝันของผู้มีบุตรยากให้มีโอกาสได้มีบุตรตามความประสงค์ พร้อมร่วมขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของผู้มีบุตรยากจากทั่วโลก (Fertility Tourism) สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต
ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทฯ ได้วางยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ผู้นำด้านการรักษาภาวะมีบุตรยาก ด้านวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนและเวลเนสในระดับเอเชีย ผ่านการขยายศูนย์การแพทย์เพื่อการมีบุตรและห้องปฏิบัติการเจริญพันธุ์ ไปยังโรงพยาบาลพันธมิตรที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ หรือในสถานพยาบาลคู่ค้า ที่อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพในด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ทั้งในรูปแบบพันธมิตรทางการค้า การร่วมลงทุน การเข้าซื้อกิจการ รวมทั้งใช้เทคโนโลยีในการรักษาที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ พัฒนาบุคลากรในการให้บริการอยู่เสมอ เพื่อส่งเสริมให้กลุ่มบริษัทฯ เป็นผู้นำ รวมถึงการสื่อสารและสร้างแบรนด์ “SAFE FERTILITY” ในฐานะผู้นำทางด้านการรักษาภาวะมีบุตรยากและด้านวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนในเอเชียในเชิงรุกมากขึ้น เช่น ผ่านช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ไปยังผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ การทำตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีแผนขยายการเติบโตไปยังธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง
กลุ่มบริษัทฯ วางแผนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปสร้างศักยภาพการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ในเบื้องต้นจะย้ายสาขารามอินทราไปยังพื้นที่ในโครงการสนามไดร์ฟกอล์ฟ กอล์ฟ ชาแนล เซ็นเตอร์ ถนนรามอินทรา เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้มาใช้บริการ รวมถึงให้บริการแบบครบวงจรมากยิ่งขึ้น เช่น มีห้องปฏิบัติการด้านพันธุศาสตร์สำหรับนักวิทยาศาสตร์ของกลุ่มที่ทันสมัยและกว้างขวาง คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท อีกทั้งกลุ่มบริษัทฯ อยู่ระหว่างพิจารณาโอกาสร่วมลงทุนกับห้องปฏิบัติการในพื้นที่โรงพยาบาลเอกชนและโรงพยาบาลรัฐบาล ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในรูปแบบกิจการร่วมค้า (Joint Venture) กับโรงพยาบาลเอกชนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
ขณะที่ผลการดำเนินงานปี 2563-2565 มีรายได้รวม 529.77 ล้านบาท 561.96 ล้านบาท 729.32 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 42.16 ล้านบาท 78.23 ล้านบาท 161.73 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนงวด 6 เดือนแรกปี 2566 มีรายได้รวม 409.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 87.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3.89 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกำไรสุทธิที่ลดลงเล็กน้อยเป็นผลมาจากมีค่าใช้จ่ายในการเตรียมตัวเพื่อจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
“เราเชื่อมั่นว่า SAFE จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากการมีฐานทุนที่แข็งแกร่ง และก้าวขึ้นสู่ผู้นำด้านรักษาผู้มีบุตรยาก ด้านวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนและเวลเนสในภูมิภาคเอเชีย และมีส่วนช่วยเติมเต็มความฝันของผู้มีบุตรยากให้เป็นจริงได้ โดยมุ่งเน้นการให้บริการระดับโลก ใส่ใจต่อความปลอดภัยของคนไข้ ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAFE กล่าว
นางดาริน กาญจนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออพท์เอเชีย แคปิตอล จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า SAFE เป็นบริษัทที่มีโอกาสเติบโตทางธุรกิจสูงจากภาพรวมตลาดให้บริการรักษาภาวะมีบุตรยากของโลกที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และจะเป็นหุ้น Growth Stock ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน ด้วยจุดเด่นทั้งรูปแบบทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ที่เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันที่จะผลักดันให้กลุ่มบริษัทฯ เติบโตอย่างยั่งยืน รูปแบบการให้บริการแบบ Integrated Full Service สำหรับคลินิกการแพทย์เฉพาะทางเพื่อการมีบุตรที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการให้บริการด้านการเจริญพันธ์ในระดับสากล รวมทั้งการมีสาขาตามสถานที่สำคัญ ๆ ถึง 5 สาขา มีเครือข่ายความสัมพันธ์ที่ดีกับโรงพยาบาล คลินิกสูตินรีเวช ศูนย์การแพทย์เพื่อการมีบุตร ฯลฯ และเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในการรักษาผู้มีบุตรยากจากชาวต่างชาติ เช่น จีน อินเดีย เมียนมา เวียดนาม สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เป็นต้น
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า การเสนอขายหุ้น IPO ของ SAFE ในครั้งนี้มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 76.75 ล้านหุ้น ที่ราคาเสนอขาย 21 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าเสนอขายรวม 1,611.72 ล้านบาท ได้รับการตอบรับอย่างคึกคักจากทั้งนักลงทุนสถาบันชั้นนำและนักลงทุนรายย่อย เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ SAFE ซึ่งเป็นผู้นำด้านรักษาผู้มีบุตรยากและอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง และมั่นใจว่าการระดมทุนในครั้งนี้จะเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุน เพื่อนำไปใช้ขยายธุรกิจตามเป้าหมาย
นอกจากนี้ SAFE ยังให้ความสำคัญกับกิจกรรมช่วยเหลือสังคม โดยจะคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียในมิติต่าง ๆ ทั้งบริษัทพนักงาน ลูกค้า ประชาชน สังคม และหน่วยงาน องค์กรต่าง ๆ กลุ่มบริษัทฯ ได้มีโครงการบริจาคเงินตามโรงเรียนที่ขาดแคลน บริจาคอุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาล รวมถึงการนำรายได้ค่าบริการ 100 บาท ทุกการตรวจ Qualify นำไปบริจาคและช่วยเหลือสังคม จึงเชื่อมั่นว่า SAFE จะเป็นหุ้นคุณภาพของตลาดทุนไทย