แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ คาดไม่ควรต่ำกว่า 1530 จุด เพื่อลุ้นฟื้นตัว ตลาดเกาะติดผลประชุมของธนาคารกลางหลายแห่งสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะเฟดคงดอกเบี้ยหรือขึ้นดอกเบี้ยคืนวันพุธนี้ ส่วนในประเทศไร้ปัจจัยใหม่กระตุ้น แนะนำ “Selective Buy” ชูBEM ADVANC
แนวโร้มตลาดหุ้นวันนี้ (18 ก.ย.) บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมิน SET มีจุดติดตามบริเวณแนวรับสาคัญ 1530 จุด ซึ่งดัชนีพยายามสร้างฐานไว้ สาหรับการเกิดจุดกลับตัว และฟื้นตัว โดยมีแนวต้าน 1550 จุด หากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเป็นสัญญาณที่ดี ส่วนกรณีต่ำกว่า 1530 จุด จะเป็นสัญญาณลบต่อการ ปรับลงต่อ ประเด็นสาคัญสัปดาห์นี้ ติดตามประชุมเฟด
ประเด็นสำคัญ
• ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐ ก.ย. ปรับลดลงสู่ระดับ 67.7 ต่ำกว่าคาดที่ระดับ69.1 จากระดับ 69.5 ใน ส.ค.
• สหภาพแรงงานยานยนต์สหรัฐ (UAW) ได้นัดหยุดงานประท้วงที่โรงงานของ General Motors, Ford และ Stellantis หลังไม่บรรลุข้อตกลงขอขึ้นค่าจ้าง ทำให้กังวลอุปสงค์ชิปจาก บ. ผลิตรถยนต์
• รัสเซียซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวสาลีอันดับ 1 เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ปริมาณมากเป็นปีที่สองติดต่อกัน ทำให้ราคาลดลงจากระดับสูงสุดที่เกิดจากการทำสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน
• ทอท. รับนโยบายนายกฯ เร่งศึกษาแผนสร้างสนามบินนานาชาติอันดามัน คาดใช้เงินลงทุนกว่า 7 หมื่นลบ. ผลักดันเป็นศูนย์กลางการขนส่งกลุ่มจังหวัดอันดามัน รองรับการเติบโตของ นทท.
• กบง. ขยายเวลาตรึงราคาก๊าซหุงต้มไม่เกิน 423 บ. ต่อถัง 15 กก. ต่อไปอีก 3 เดือนจนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ ปชช. พร้อมคงสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลบี 7 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.-31 ธ.ค. นี้
• กรมสรรพากรออกประกาศเมื่อ 15 ก.ย. เรื่องแผนจัดเก็บภาษีเพิ่มเติมสำหรับคนที่มีเงินได้พึงประเมินตาม ม. 40 แห่งประมวลรัษฎากรในปีภาษีที่ล่วงมาแล้ว เนื่องจากหน้าที่งานหรือกิจการที่ทำใน ตปท. หรือเนื่องจากทรัพย์สินที่อยู่ใน ตปท. ต้องนำเงินได้พึงประเมินเหล่านี้มารวมคำนวณเพื่อเสียภาษี
กลยุทธการลงทุนวันนี้ มอง SET จะยังเคลื่อนไหวในกรอบ 1540-1580 จุด หลังขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ เข้ามาช่วยกระตุ้นบรรยากาศการลงทุน โดยในประเทศรอติดตามการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาล ขณะที่ต่างประเทศอยู่ระหว่างจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสำคัญ นำโดย FED (21 ก.ย.) BoE (21 ก.ย.) และ BoJ (22 ก.ย.) ทั้งนี้ InnovestX คาด FED จะมีมติคงดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ตามตลาดคาด ขณะที่ BoE และ BoJ จะยังดำเนินการใช้นโยบายการเงินตึงตัวต่อไป ซึ่งจะทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : ภาพรวมบรรยากาศลงทุนยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ และอยู่ระหว่างรอติดตามผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสำคัญ อาทิ FED, BoE, BoJ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้นที่คาดได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล (ลดค่าไฟและราคาน้ำมันดีเซล พักหนี้เกษตรกรฯ ยกเว้นวีซ่านักท่องเที่ยวจีน) อีกทั้ง 2H66 คาดกำไรจะเติบโต YoY หรือกำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เลือก CPALL CRC OSP HTC AOT ERW KCE HANA
2) หุ้น Top Picks กลยุทธ์การลงทุน 4Q66 เลือก AOT BCH CRC KCE KTB
3) หุ้นเก็งกำไรจากกำลังซื้อตะวันออกกลางที่ดีขึ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น (ธีมปิโตรดอลลาร์) เลือก AH BH PTTEP BCP
ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ(MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)
โฟกัสหุ้น
ADVANC 3Q66 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้น QoQ และ YoY จากการแข่งขันในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจ FBB ที่ลดลงต่อเนื่องและฐานผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ความชัดเจนดีลควบรวมระหว่าง ADVANC และ 3BB คาดมีโอกาสนำไปสู่ภาพการแข่งขันธุรกิจFBB ที่ลดลง
BEM 3Q66 คาดกำไรจะปรับตัวดีขึ้น QoQ และ YoY ตามโมเมนตัมปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนและจำนวนผู้โดยสาร MRT ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ทั้งปี 2566 คาดมีกำไรสุทธิที่ 3.9 พันลบ. เติบโตเด่น 60.6%YoY