Market

อินโนเวสท์  เอกซ์  คาด  SET กรอบบนยังถูกจำกัด
23 เม.ย 2567

แนวโน้มตลาดวันนี้ (23 เม.ย.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด  SET ฟื้นตัวหลังลงแรงในสัปดาห์ก่อน และสถานการณ์ในตะวันออกกลางไม่รุนแรงขึ้น ทำให้ดัชนีมีโอกาสฟื้นตัวได้ต่อ อย่างไรก็ตาม สัญญาณทางเทคนิคที่กลับมาเป็นลบ ทำให้กรอบบนยังถูกจำกัด  โดยมีแนวต้านที่ 1360 และ 1370 จุด ตามลำดับ ด้านแนวรับอยู่ที่ 1340 และ 1330 จุดหากต่ำกว่า จะเป็นสัญญาณลบต่อ

 

ประเด็นสำคัญ

• คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) แถลงว่า สงครามราคาผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดมีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้นในปีนี้ โดยสาเหตุสำคัญเป็นเพราะรถยนต์ล้นตลาด

 

• ไต้หวันระบุยอดคำสั่งซื้อภาคส่งออก มี.ค.ปรับขึ้น 1.2%YoY ต่ำกว่าตลาดคาด แต่คาดว่าความต้องการโปรแกรม AI ที่พุ่งสูงขึ้นจะช่วยหนุนความต้องการผลิตภัณฑ์ไฮเทคของไต้หวันในอนาคต

 

• ททท. ระบุหนี้ครัวเรือน-ราคาพลังงานพุ่งสูง กระทบยอดคนไทยเที่ยวไทย ทางด้านบวท. คาดปีนี้ยอดให้บริการเดินอากาศอยู่ที่ 9.1 แสนเที่ยวบิน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง1.5-2 ล้านเที่ยวบินในอนาคต

 

• บอร์ด รฟท. เตรียมเสนอโครงการรถไฟไทย-จีน ช่วงกทม.-หนองคาย (เฟส 2) ระยะทาง 357.12 กม. วงเงินกว่า 3.41 แสนลบ. ให้ ก. คมนาคม และครม. พิจารณาในปีนี้คาดใช้เวลาก่อสร้างงานโยธา 48 เดือน ก่อสร้างงานระบบรถไฟฟ้า 66 เดือน กำหนดเปิดให้บริการปี 2574

 

• BOI อนุมัติ Chery ค่ายรถยนต์จากจีนตั้งฐานผลิต EV ในไทย หลังจากหารือกันกว่า 2 ปี เตรียมจำหน่ายอีวีรุ่นแรกในไทยกลางปีนี้เพื่อทดลองตลาด พร้อมตั้งฐานโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย เริ่มผลิตปี 2568

 

• ตลท.เตรียมประชุมบอร์ด 24 เม.ย. สรุปเกณฑ์ซื้อขายใหม่ เตรียมเปิดเผยรายละเอียดสัปดาห์นี้ โดยชอร์ตเซลใช้ Uptick รายตัวหรือทุกหลักทรัพย์ ขณะที่ HFT มีระยะเวลาป้องกันยกเลิกออเดอร์ นอกจากนี้ยังมีมาตรการกำกับ บจ. เชิงรุก-ชี้แจงทันทีหากพบเหตุผิดปกติ

 

กลยุทธ์การลงทุน  ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยจะอยู่ในภาวะเปราะบางและผันผวน จากความกังวลสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยล่าช้ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้เดิม ประกอบกับ การเข้าสู่ฤดูกาลประกาศผลประกอบการ1Q67 ที่คาดจะมีอัตราการเติบโตต่ำ แม้ว่าทิศทางดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐจะมีสัญญาณฟื้นตัว กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

 

Top Picks

KTB ปี 2567 คาดกำไรจะเติบโต 5.4%YoY แรงหนุนจากการเติบโตของสินเชื่อที่3%, NIM ที่หดตัวลง 9 bps, credit cost ที่ลดลง 13 bps, non-NII ที่ฟื้นตัว 5% และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ Valuation ถูก และคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 67 ที่หุ้นละ 0.97 บ. คิดเป็น Div. Yield ปีละ 6%

 

HANA มองได้รับผลดีจากบาทอ่อนค่า คาดกำไรปกติ 1Q67 ที่ 310 ลบ. เติบโต11.9%YoY และ 2Q67 คาดกำไรจะปรับตัวดีขึ้น หนุนจากวงจรการเปลี่ยนสมาร์ทโฟนAI ทดแทนสมาร์ทโฟนเครื่องเก่า กระตุ้นอุปสงค์สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น ขณะที่Risk/Reward น่าสนใจ หลังราคาหุ้นปรับลง 31%YTD สะท้อนประเด็นลบไปแล้ว  

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com