แนวโน้มตลาดวันนี้ (5 มิ.ย.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET แม้ได้ sentiment บวก หลังตัวเลขเปิดรับสมัครงานของสหรัฐต่ำคาด และต่ำสุดรอบ 3 ปี สร้างความหวังการลดดอกเบี้ยเฟดอย่างไรก็ตาม สัญญาณเทคนิคที่เป็นลบ และทิศทาง fund flow ไหลออก ทำให้กรอบบนยังถูกจำกัดที่แนวต้าน 1345-1350 จุด และมีความเสี่ยงหลุดจุดต่ำเดิม 1330 จุด โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1320 จุด
ประเด็นสำคัญ
• ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน เม.ย. ของสหรัฐลดลงต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี หรือนับตั้งแต่ ก.พ. 64 และปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ทำให้ตลาดคาดหวัง Fed จะพิจารณาปรับลด ดบ. ในปีนี้
• วานนี้ราคาทองแดงลดลงต่ำกว่า 1 หมื่นเหรียญ/ตัน หลังสินค้าคงคลังทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งข้อมูลตำแหน่งงานว่างในสหรัฐที่แย่กว่าคาดและความกังวล ศก. โลกถดถอยส่งผลกระทบต่ออุปสงค์
• วานนี้สัญญาข้าวโพดและถั่วเหลืองปรับตัวลง จากอุปสงค์ที่อ่อนแอ และตลาดคาดว่าการเพาะปลูกและสภาพผลผลิตข้าวโพดจะเพิ่มขึ้น
• สรท. คงคาดการส่งออกไทยปี 67 ขยายตัว 1-2% แม้การส่งออก เม.ย. จะพลิกโต 6.8% หนุนให้ 4M67 การส่งออกขยายตัวได้ 1.4% โดยมอง 2H67 ยังมีปัจจัยเฝ้าระวังสำคัญ ได้แก่ ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะ จีน-สหรัฐฯ และปัญหาค่าระวางเรือที่กลับมาสูงขึ้
• ครม. มีมติเห็นชอบวงเงินงบฯ เพิ่มเติมปี 2567 ที่ 1.22 แสนลบ. สำหรับเป็นงบกลาง คชจ. กระตุ้นศก. คาดร่างฯ จะเข้าสู่สภาฯ ช่วง ก.ค.-ส.ค. นอกจากนี้ยังมีมติเห็นชอบมาตรการภาษีสนับสนุนท่องเที่ยวเมืองรองช่วง Low Season พ.ค. - พ.ย. นี้ คาดส่งให้กฤษฏีกาพิจารณาเร่งด่วน
• ThaiBMA ระบุ 5M67 ยอดออกหุ้นกู้ยังลดลง 35% อยู่ที่ 3.61 แสนลบ. จากปีก่อน 5 แสนลบ. จาก ดบ. อยู่ในระดับสูง ด้านบริษัทเอกชนหันไปหาช่องทางต้นทุนต่ำกว่า ทั้งตั๋วแลกเงินระยะสั้น-เงินกู้ ธพ.จับตา 2H67 หุ้นกู้ครบกำหนดราว 5.4 แสนลบ.
กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นมอง SET ยังเปราะบางและแกว่งตัวในกรอบ โดยในประเทศยังขาดปัจจัยหนุนใหม่และมีปัจจัยการเมืองกดดันบรรยากาศลงทุน ทำให้ SET ยัง Underperform ตลาดหุ้นในภูมิภาค อย่างไรก็ดี ยังคาดหวังแรงหนุนดัชนีจากผลประกอบการของ บจ. ไทยที่จะเติบโตดีขึ้นตั้งแต่ 2Q67 และปัจจัยต่างประเทศสัปดาห์นี้จะเป็นบวก อาทิ ดัชนี PMI ภาคการผลิต พ.ค. ของจีนและสหรัฐคาดจะปรับตัวดีขึ้น หลังมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง และการประชุมนโยบายการเงินของ ECB ในวันที่ 6 มิ.ย. จะเริ่มมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรก ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
Top Picks
KCE ระยะสั้นมองได้ Sentiment บวกจากราคาทองแดงปรับลง ขณะที่ปี 2567 คาดกำไรปกติพลิกโต 44.7%YoY โดย 2Q67 คาดกำไรโต YoY และ QoQ จากคำสั่งซื้อค้างส่งที่แข็งแกร่งของ special grade PCB (HDI) ที่มีมาร์จิ้นสูง ส่วน 2H67 มองเข้าสู่ High Season และมาร์จิ้นดีขึ้นจากมาตรการลดต้นทุน
CPALL มองราคาหุ้น Undervalue ปัจจุบันซื้อขายบนPER 67F ระดับ 23 เท่า (-2S.D. ค่าเฉลี่ย PER 10 ปี) สวนทางกำไรที่แข็งแกร่ง โดยปี 2567 คาดมีกำไรปกติ 2.3 หมื่นลบ. โต 28%YoY จากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น อีกทั้งมีดอกเบี้ยจ่ายลดลง ซึ่งประมาณการยังไม่รวม upside จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต