“แม็คกรุ๊ป” เปิดผลดำเนินงานไตรมาสแรกปีบัญชี 2568 กำไรสุทธิ 133 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8% ช่องทางขายออนไลน์โต กวาดรายได้กว่า 125 ล้านบาท พุ่งขึ้น 25.7% พร้อมเดินหน้าดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืน ร่วมลดคาร์บอนติด Solar Rooftop คลังสินค้าและร้านค้า
นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC องค์กรธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์ “แม็คยีนส์” เปิดเผยถึงภาพรวมผล ดำเนินงานงวดไตรมาส 1 ปีบัญชี 2568 (1 กรกฎาคม 2567 – 30 กันยายน 2567) ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 133 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเปรียบเทียบงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 129 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรสุทธิ 15.1% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 14.4% และบริษัทฯ ยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin :GP) ให้อยู่ในระดับสูงต่อเนื่องโดยในไตรมาส 1 นี้ อยู่ที่ระดับ 65.3%
ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกปีบัญชี 2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้ารวม 842 ล้านบาท ลดลง 4.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 882 ล้านบาท เป็นผลจากกำลังซื้อที่ลดลงในช่องทางออฟไลน์ อย่างไรก็ตามรายได้จากช่องทางออนไลน์ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสนี้ มีรายได้ 125 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26 ล้านบาทหรือ 25.7% รายได้จากการขายในช่องทางออนไลน์ที่โตขึ้นหนุนให้สัดส่วนรายได้จากร้านค้าออนไลน์ (E-Commerce) เพิ่มขึ้นเป็น 15% จาก 11% เมื่องวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งในขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการปรับปรุงพัฒนาเว็บไซต์ mcshop.com โดยมีแผนเปิดตัวในไตรมาส 2 รวมถึงบริษัทฯ ยังคงมีแผนลงทุนขยายร้านค้าปลีกของตัวเอง และปรับปรุงจุดขายเดิมอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเปิด 15 จุด ภายในปีบัญชีนี้
“ในสภาวะที่เศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้า จากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดโดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมไปถึงความกังวลต่อสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย และยูเครน การสู้รบระหว่างอิสราเอลและขบวนการฮามาส ทำให้ความเชื่อมั่นและกำลังซื้อหดตัวลง “แม็คกรุ๊ป” เรามีเป้าหมายเติบโตทั้งยอดขายและกำไรในทุกช่องทาง ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ด้วยประสบการณ์และความชำนาญในการดำเนินธุรกิจยาวนานกว่า 49 ปี บวกกับจุดแข็งที่เข้าใจในทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ผสานกับความมุ่งมั่นในการพัฒนาสินค้าคุณภาพ เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าเสมอมา รวมไปถึงเรามีจุดขายที่ครอบคลุมทั้งออนไลน์และออฟไลน์มีโรงงานผลิตสินค้าที่มีความชำนาญการ และมีศูนย์กระจายสินค้าของตัวเองที่เปิดทำการในรอบปีบัญชีที่ผ่านมาทำให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิได้อย่างต่อเนื่องในทุกๆ ไตรมาส” นายเจมส์ ริชาร์ด กล่าว
“บริษัทฯ ยังคงเติบโตแข็งแกร่ง มีส่วนของผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ขึ้นมาอยู่ 3,876 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 135 ล้านบาท จาก 30 มิถุนายน 2567 ที่มีส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 3,741 ล้านบาท จากผลประกอบการที่เพิ่มขึ้น มีเงินสด รายการเทียบเท่าเงินสด และเงินลงทุนชั่วคราวรวม 1,868 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 135 ล้านบาท” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. แม็คกรุ๊ป กล่าว
นายเจมส์ ริชาร์ด กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นในการบูรณาการความยั่งยืนเข้ากับการดำเนินงานหลัก ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับรางวัลและการรับรองมาตรฐานต่างๆ เช่น ISO9001 สำหรับการจัดการคุณภาพ และISO/IEC 27001:2022 ซึ่งเป็นมาตรฐานด้านความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลเป็นรายแรกของธุรกิจรีเทลสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ในประเทศไทย รวมถึงการได้รับผลการประเมิน SET ESG Ratings ในระดับ “AA” จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการ (CGR) ปี 2567 ในระดับ “ดีเลิศ” เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน
บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยคาร์บอนผ่านการลงทุนในโครงการประหยัดพลังงานอย่างต่อเนื่อง โดยได้เริ่มดำเนินโครงการ Solar Rooftop ที่อาคารสำนักงานใหญ่ และคลังสินค้า (Mc Fulfilment Center) ในช่วงปีบัญชี 2566-2567 และในไตรมาส 1 ปีบัญชี 2568 บริษัทฯ ได้นำร่องโครงการติดตั้ง Solar Rooftop เพิ่มเติมที่ร้านค้าจำนวน 2 สาขา คือ Mc Outlet ปตท. มานะชัย นครปฐม และ Mc Outlet ปตท. เกียรติสมพงษ์ นครสวรรค์ เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด และเป็นการช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าอีกด้วย รวมไปถึงการให้ความสำคัญในการเลือกใช้วัสดุที่ยั่งยืนเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ปลูกฝังจิตสำนึกด้าน ESG โดยทำโครงการแยกขยะในสำนักงาน รวมไปถึงโครงการ "No Bag Campaign" ซึ่งลูกค้าจะได้รับแต้มสมาชิกเพิ่มเมื่อไม่รับถุงใส่สินค้า