TKS ส่งซิกแนวโน้มผลงานโค้งแรกสัญญาณดี เติบโตมากกว่า Q4/66 คาดทั้งปีรายได้โต 14% ชูกลยุทธ์ Tech Ecosystem Builder สร้างรากฐานการเติบโตที่แข็งแกร่งในระยะยาว แย้มปีนี้มีดีลใหญ่ซื้อกิจการสายธุรกิจ ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้
นายจุติพันธุ์ มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ TKS เปิดเผยว่าแนวโน้มผลประกอบการไตรมาสแรกของปีนี้ คาดมีการเติบโตที่ดีจากยอดขายในช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมาตัวเลขออกมาดี คาดว่าจะเติบโตมากกว่าไตรมาส 4/66 และมีโอกาสทำได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนกิจการใหม่ (M&A) ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ platform solution เพื่อมาต่อยอดการเติบโตของกลุ่มบริษัท ซึ่งเป็นเป้าหมายของบริษัทในการเดินหน้ากลยุทธ์ Tech Ecosystem Builder เพื่อก้าวสู่โลกดิจิทัล ที่ผ่านมาได้สร้าง Ecosystem ไว้จำนวนมาก เพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน
สำหรับผลงานปี 2567 จะเห็นการฟื้นตัว ทั้งธุรกิจฉลากและบรรจุภัณฑ์ (Label& Packaging Solutions) ที่ยังมีโอกาสเติบโต มีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง จากการทยอยส่งมอบงานที่อยู่ในมือ รวมไปถึงการผลักดัน Security Label ที่สามารถเติบโตได้ดี เป็นโซลูชั่นที่มีโอกาสเติบโตอย่างมาก เป็นการนำเทคโนโลยีมาช่วยเสริม ขณะที่ผลประกอบการของ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX น่าจะเห็นผลประกอบการที่ดีกลับมาฟื้นตัวขึ้นในปีหน้าทั้งในส่วนของแบรนด์ Huawei ที่จะฟื้นตัวขึ้นในปีนี้ การเปิดตัว Nintendo Switch by Synnex อีกทั้งในส่วนของ Samsung S24 ก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก เป็นส่วนช่วยผลักดันยอดขายให้เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
"ปีนี้ถือว่าเป็นปีของการฟื้นตัว คาดว่ารายได้เติบโตราว 14% จากปีก่อน และยังมีงานที่ส่งมอบ โดยธุรกิจแพ็กเกจจิ้งก็ถือว่ามีความแข็งแกร่ง ผลประกอบการสามารถเติบโตไปได้ ที่ผ่านมาบริษัทมีการกระจายความเสี่ยง (Diversify) ธุรกิจให้มีความหลากหลาย เพื่อรองรับการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่ก็มีการพิจารณาการลงทุน M&A ต่อเนื่อง" นายจุติพันธุ์ กล่าว
บริษัทฯยังเดินหน้าตามกลยุทธ์ Tech Ecosystem Builder โดยมุ่งเน้นการปรับแผนธุรกิจของบริษัทฯมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับตัวให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีดิจิทัล โดยการพัฒนานวัตกรรมด้านระบบสารสนเทศ และได้ปรับโครงสร้างองค์กรในกลุ่มบริษัทฯให้เกิดผลผนึกทั้งด้านการพัฒนาตลาดและผลิตภัณฑ์ และด้านการลดต้นทุนการผลิตเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันโดยรวมสำหรับรักษาฐานธุรกิจเดิมควบคู่ไปกับการหาพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่
ล่าสุด คณะกรรมการบริษัทฯได้อนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน (Treasury Stock) ครั้งที่ 2 โดยมีจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 30,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นจำนวนไม่เกินร้อยละ 5.90 ของหุ้นที่จดทะเบียนและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯภายในวงเงินไม่เกิน 300 ล้านบาท เพื่อบริหารทางการเงินโดยเป็นการซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีระยะเวลาซื้อหุ้น คืน 6 เดือน นับแต่วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 ถึงวันที่ 28 สิงหาคม 2567