บอร์ด MGC-ASIA ไฟเขียว ทุ่ม 100 ล้านบาท ซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 30 ล้านหุ้น เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน หลังราคาหุ้นต่ำกว่าระดับมูลค่าที่แท้จริงและไม่สะท้อนการเติบโตในอนาคต ดีเดย์ 18 มี.ค- 17 ก.ย. ย้ำปีนี้รายได้โต 10% จากการขับเคลื่อนการเติบโตใน 4 กลุ่มธุรกิจ
ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA เปิดเผยว่า จากกรณีที่ราคาหุ้นของบริษัทฯ ในปัจจุบันอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ทำให้คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ จัดทำ โครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน จำนวนไม่เกิน 30 ล้านหุ้น หรือ 2.7% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด วงเงินซื้อคืนสูงสุดไม่เกิน 100 ล้านบาท เริ่ม 18 มีนาคม ถึงวันที่ 17 กันยายน 2568
การซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน และเพื่อบริหารสภาพคล่องส่วนเกินให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงเพิ่มอัตราส่วนผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น (ROE) และกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน ในศักยภาพธุรกิจสู่การเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ดร.สัณหวุฒิ ได้ตอกย้ำถึงภาพรวมการเติบโตของบริษัทฯ ว่า ในปี 2568 นี้บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้รวมเพิ่มขึ้น 10% จากปี 2567 ที่มีรายได้รวม 20,334 ล้านบาท จากกลยุทธ์การขับเคลื่อนใน 4 กลุ่มธุรกิจ 1. กลุ่มธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ 2. กลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขาย 3. กลุ่มธุรกิจให้บริการรถเช่า และ 4. กลุ่มธุรกิจอื่นๆ ได้แก่ บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด ผู้ให้บริการทางการเงินให้กับกลุ่มลูกค้ามั่งคั่ง โดยในปีนี้มุ่งเน้นการขยายตลาดสินเชื่อ Wealth Lending ในอัตราที่สูงขึ้น พร้อมตั้งเป้าการขยายพอร์ตสินเชื่อเพิ่มขึ้นแตะระดับ 12,500 ล้านบาท รวมถึง บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจให้บริการประกันภัยชั้นแนวหน้า โดยในปีนี้มีแผนขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น ด้วยการเพิ่มผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ที่หลากหลาย รวมทั้งประกันที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนตามแนวทาง ESG เพื่อให้ครอบคลุมทุกความต้องการ และรักษาการเป็นโบรกเกอร์ระดับชั้นนำ
“มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯดังกล่าว เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุน ประกอบกับแผนการขับเคลื่อนทางธุรกิจ สู่การต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ซึ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพในการดำเนินธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการดูแลผู้ถือหุ้นและนักลงทุน สู่การสร้างเสถียรภาพด้านราคาเพื่อให้สะท้อนถึงมูลค่าที่แท้จริง”