แนวโน้มตลาดวันนี้ (1 ส.ค.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET แกว่งภายในกรอบระหว่าง 1300-1320 จุด โดยนักลงทุนในตลาดรอติดตามผลประชุมเฟดเพื่อประเมินทิศทางการลดดอกเบี้ย ทั้งนี้ภาพรวมแนวโน้มราคา หากไม่ต่ำกว่า 1290 จุด แม้ยังอยู่ในช่วงฟื้นตัวได้ อย่างไรก็ตาม คาดกรอบบนถูกจำกัดบริเวณแนวต้าน 1330-1335 จุด
ประเด็นสำคัญ
• ตัวเลข JOLTS มิ.ย. ของสหรัฐลดลงสู่ 8.18 ล้านตำแหน่ง สูงกว่าตลาดคาด ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ ก.ค. ปรับขึ้นสูงกว่าคาด
• ครม. อนุมัติเกณฑ์ใหม่กองทุน Thai ESG เพิ่มวงเงินลดหย่อนเป็น 3 แสนบ. ลดเวลาถือครองเหลือ 5 ปี คาดเม็ดเงินใหม่เข้ามา 2-3 หมื่นลบ.รวมทั้งเห็นชอบมาตรการสินเชื่อ SME Green Productivity 1.5 หมื่นลบ. นอกจากนี้ยังเห็นชอบมาตรการภาษีหนุนคนไทยที่มีศักยภาพที่ทำงานในตปท. ให้กลับเข้ามาทำงานใน ปท. เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมาย 15 กลุ่ม ได้รับสิทธิประโยชน์ภาษีทั้งตัวผู้ถูกจ้างและนายจ้าง
• ก. คลังเตรียมจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ระดมเงินอีก 1 แสนลบ. ด้าน สบน. เปิดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของ ก. คลัง ในปีงบฯ 2567 ครั้งที่ 2 วงเงินรวม 4 หมื่นลบ. ตั้งแต่ 13 ส.ค. ดบ. สูงสุด 3.40% ต่อปี
• ก. ท่องเที่ยวฯ ระบุจำนวน นทท. สะสม 1 ม.ค.-28 ก.ค. 67 รวมกว่า 20.3 ล้านคน สร้างรายได้ราว 9.57 แสนลบ. โดย นทท. ที่เดินทางเข้าไทยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย
• พาณิชย์ปรับคาดการณ์ส่งออกข้าวใหม่ปีนี้เป็น 8.2 ล้านตัน หลัง 6M67 ส่งออกกว่า 5 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 25.12%YoY หลังผู้นำเข้าต้องการเพิ่ม ขณะอินเดียยังคงใช้มาตรการควบคุมการส่งออกข้าว และค่าเงินบาทอ่อนค่าทำให้ราคาข้าวไทยอยู่ในระดับที่แข่งขันได้
• ตลท. ยกระดับการประเมิน SET ESG Ratings เน้นข้อมูลที่ บจ. เปิดเผยสู่สาธารณะ ด้าน ก.ล.ต. เตรียมตั้งกองทุนเยียวยา นลท. แก้กฎหมายนำเงินค่าปรับจากการกระทำผิดชดเชยให้ผู้เสียหาย คาดชัดเจนภายใน 3 ปี
กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นมอง SET ลุ้นรีบาวด์ได้แต่ยังมี Upside จำกัด เนื่องจากยังรอติดตามประกาศผลประกอบการ 2Q67 ของบจ. ไทยกลุ่ม Real Sector ซึ่งคาดจะฟื้นตัวดีขึ้น แต่ยังรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศ ส่วนปัจจัยต่างประเทศคาดว่ามีโอกาสรีบาวด์ได้หลังสัปดาห์ก่อนมีแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีออกมา ส่วนนโยบายการเงินของ FED และ BoE คาดยังมีแนวโน้มคงดอกเบี้ยเช่นเดิม และต้องติดตามผลประกอบการ 2Q67 ของ บจ. ในสหรัฐที่ยังจะออกมาซึ่งคาดแข็งแกร่ง ขณะที่เศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอและสงครามเทคโนโลยีที่มีท่าทีรุนแรงขึ้นยังเป็นความเสี่ยงของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
Top Picks
AMATA 2Q67 คาดกำไรสุทธิ 480 ลบ. เติบโต 53%YoYและ 3.5%QoQ แม้ Gross Margin มีแรงกดดันจากการโอนกรรมสิทธิ์ของอมตะชลบุรีในสัดส่วนน้อย แต่คาดมีกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุน ขณะที่มี Backlog ในมือถึง 15,216 ลบ. ช่วยหนุนการเติบโตของผลประกอบการในช่วง 2H67 และปี 2568
BBL ราคาหุ้นปรับลง 7%YTD เป็นโอกาสเข้าซื้อ มองว่ามีปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นจาก 1) การตั้งสำรอง (credit cost) ลดลงในช่วงที่เหลือของปีนี้ 2) การเติบโตของสินเชื่อที่โดดเด่น 3) NIM ที่แข็งแกร่ง และ 4) อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลง ยังคงเลือกเป็นหุ้นเด่นกลุ่มธนาคาร แนะนำราคาซื้อวันนี้ไม่เกิน 136 บ.