แนวโน้มตลาดวันนี้ (23 ก.ย.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดดัชนีเริ่มมี upside จำกัด เนื่องจากดูแรงส่งของหุ้นขนาดใหญ่ต่างๆ ลดน้อยลง จากหลายตัวเข้าสู่ภาวะ overbought และเงินบาทที่แข็งค่ามากสุดในภูมิภาค สร้างความกังวลต่อภาคการส่งออก ด้านแนวต้านอยู่ที่บริเวณ 1460-1465 จุด ส่วนแนวรับ ซึ่งใช้เป็นจุดติดตามกรอบล่างอยู่ที่ 1446 และ 1440 จุด ตามลำดับ หากต่ำกว่า จะเริ่มเห็นภาพการพักตัว
ประเด็นสำคัญ
• ที่ประชุม BoJ มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25%เป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ และคาดว่าจะมีการปรับขึ้นในครั้งถัดไป ขณะที่ CPI พื้นฐานของญี่ปุ่นเดือนส.ค. ปรับขึ้นสี่เดือนติดต่อกันสู่ระดับ 2.8%YoY
• PBOC ประกาศคงอัตราดอกเบี้ย LPR ระยะ 1 ปีและ 5 ปีที่ 3.35% และ 3.85% ตามลำดับ ผิดจากที่ตลาดคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยตามเฟด ส่วนอดีตที่ปรึกษา PBOC เผยว่าจีนอาจออกพันธบัตรรัฐบาลพิเศษระยะยาวภายในช่วง 2 ปีนี้ราว 10ล้านล้านหยวน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
• สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเผยอัตราว่างงานของคนหนุ่มสาว (16-24 ปี) เพิ่มขึ้นเป็น 18.8% ใน ส.ค. เพิ่มขึ้นจาก 17.1% ใน ก.ค. เช่นเดียวกับอัตราว่างงานของกลุ่มอายุ 25-29 ปีที่เพิ่มขึ้นเป็น 6.9% จาก 6.5%
• ผู้ว่าการเฟด Christopher Waller เผยว่าได้สนับสนุนการลดดอกเบี้ย 50bps ในการประชุมที่ผ่านมาหลังเห็นเงินเฟ้อชะลอตัวลงได้เร็วกว่าคาด และจากข้อมูลล่าสุดเห็นว่าเงินเฟ้อจะมีแนวโน้มปรับลงได้มากกว่านี้ ซึ่งจะช่วยให้เฟดมุ่งเน้นไปที่การประคองตลาดแรงงานได้มากขึ้น
• ผู้ว่าธปท. เผยว่าไม่จำเป็นที่จะต้องปรับลดดอกเบี้ยตามเฟด โดยธปท. คำนึงถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทย, กรอบอัตราเงินเฟ้อ และเสถียรภาพด้านการเงิน ซึ่งทั้ง 3 ปัจจัยนี้ยังไม่ต่างออกไปจากสิ่งที่ธปท. ประเมินไว้
• บอร์ดเมดิคัลฮับเตรียมประชุมในเดือนต.ค. เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ. เพื่อผลักดันไทยสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติและอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจรของโลกในระยะ 10 ปี Global Wellness Institute เผยว่ามูลค่าทางเศรษฐกิจด้าน Wellness ของไทยอยู่ที่ 1.2 ล้านลบ.
• กลุ่มฮิซบอลเลาะห์และอิสลาเอลคงโจมตีตอบโต้กันอย่างต่อเนื่อง หลังจากเกิดเหตุเพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันทั่วเลบานอนในสัปดาห์ก่อน
กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway Up และเริ่มมี Upside จำกัด แรงหนุนจะมาจากแนวโน้มดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลง บวกกับ ความคาดหวังการออกนโยบายผลักดันแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมทั้งการแข็งค่าของเงินบาทระยะสั้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นไทยเมื่อเทียบกับภูมิภาค สะท้อนได้จาก Fund Flow ในเดือนก.ย. ที่ต่างชาติพลิกซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยแล้วกว่า 3 หมื่นลบ. อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจของฝั่งเอเชีย โดยเฉพาะจีน ยังมีแนวโน้มอ่อนแอ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์ มอง SET จะเคลื่อนไหว Sideway Up แต่เริ่มมี Upside จำกัดในช่วงสั้น ทั้งนี้คาดเม็ดเงินลงทุนไหลจะเข้าในกลุ่ม Defensive และหุ้นที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัว กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
1. นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งเทคนิคมีสัญญาณกลับตัว และ Valuation ยังไม่แพง โดยซื้อขายที่ PER และ PBV ต่ำกว่า -1SD แนะนำ AOT CRC AWC BCH BEM
2. นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งได้อานิสงส์บวกจากสถานการณ์น้ำท่วม แนะนำ HMPRO GLOBAL CPALL BJC DCC และ TASCO ซึ่งสถิติปี 2553-2566 (เฉพาะปีที่เกิดน้ำท่วมในภาวะ La Nina ยกเว้นปี 2563 ซึ่งเผชิญวิกฤต COVID-19) พบว่าหากซื้อลงทุนช่วงครึ่งหลัง ก.ย. และขายต้น พ.ย. คาดหวังจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 5.0%
3. นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรจากอานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง กลุ่มเช่าซื้อ (MTC TIDLOR) อสังหาฯ (AP) ค้าปลีก (CPALL) โรงไฟฟ้า (GULF) REITS (LHHOTEL DIF)
4. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากกองทุนวายุภักษ์รอบใหม่ โดยเลือกหุ้น SET100 ที่มีคุณสมบัติ 1) จ่ายเงินปันผลดี โดยให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% 2) มี ESG Ratings สูงตั้งแต่ระดับ A-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว และ 3) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก KTB BBL BCP ADVANC HMPRO
Top picks
GULF: มองกำไรจะเติบโตต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากกำลังการผลิตใหม่ที่จะเข้ามาเพิ่ม: GDP หน่วยที่ 4 (662.5MW, เริ่มเดินเครื่อง ต.ค. 67) และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์หลายโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา อีกทั้งยังมีมุมมองเชิงบวกต่อดีลควบรวมระหว่าง GULF กับ INTUCH ขณะที่ Valuation น่าสนใจ ซื้อขาย PER 28 เท่า (-1.0 SD) อีกทั้งยังได้ประโยชน์ผลตอบแทนพันธบัตรลดลง
AOT: มองราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวหลังปลดล็อก overhang หยุดประกอบกิจการร้านค้าปลอดอากรขาเข้าไปแล้ว ขณะที่กำไรยังมีแนวโน้มปรับขึ้นสอดคล้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่เติบโต โดยประเมินกําไรปกติ 4QFY67 (ก.ค.-ก.ย. 67) จะเติบโต YoY และปี FY2567 มีกำไรปกติที่ 1.93 หมื่นลบ. เติบโตเด่น 109%YoY