บมจ.พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น โชว์ผลงานไตรมาส 1/2567 มีรายได้ 1,202.61 ลบ.เพิ่มขึ้น 14.25% กวาดกำไร 89.84 ลบ. โต 8.50% ยอดขายกลุ่มสินค้าหม้อแปลงไฟฟ้า,สวิตช์ตัดตอนชนิดต่างๆ และรายได้ขายกลุ่มอุปกรณ์และระบบควบคุมสำหรับระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ เพิ่มขึ้น แถมคุมต้นทุน และ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ มั่นใจรายได้ปีนี้โต 10%
นายกิตติ สัมฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (PCC) ผู้นําในธุรกิจเทคโนโลยีแพลตฟอร์มครอบคลุมอุตสาหกรรมสมาร์ทกริดของประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2567 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,202.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.25% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,052.60 ล้านบาท
กลุ่มบริษัทฯ มีโครงสร้างรายได้สำหรับงวดสามเดือนแรกปี 2566 และ 2567 จากรายได้จากการขายใน สัดส่วนร้อยละ 56.9 ต่อ 53.8 และรายได้จากการให้บริการและโครงการก่อสร้างในสัดส่วนเท่ากับ ร้อยละ 42.7 ต่อ 45.5 ของรายได้รวม ตามลำดับ
โดยรายได้จากการขายงวดไตรมาส 1/2567 มีรายได้เท่ากับ 647.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.10% จากปีก่อนมีรายได้เท่ากับ 599.04 ล้านบาท เนื่องจากการขายสินค้าให้กลุ่มลูกค้าภาครัฐและเอกชนที่เป็นผู้รับเหมาหลักของงานสถานีไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ปัจจัยหลักมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ ดังนี้ รายได้ขายกลุ่มสินค้าหม้อแปลงไฟฟ้ากำลัง ได้แก่ หม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย ,รายได้ขายกลุ่มสินค้าสวิตช์ตัดตอนชนิดต่างๆ ได้แก่ โหลดเบรคสวิตซ์ และรายได้ขายกลุ่มอุปกรณ์และระบบควบคุมสำหรับระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ ได้แก่ อุปกรณ์ใน กลุ่ม มิเตอร์
และรายได้จากการให้บริการและโครงการก่อสร้างงวดไตรมาส 1/2567 มีรายได้เท่ากับ 547.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.84% จากปีก่อนมีรายได้เท่ากับ 449.44 ล้านบาท ปัจจัยหลักคือการเพิ่มขึ้นของรายได้สำหรับงานบริการก่อสร้าง ดังนี้ งานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูง จากงานโครงการสถานีไฟฟ้าแรงสูง 500/230 kV แม่เมาะและ ลำพูน , งานระบบควบคุมสำหรับระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ จากงานโครงการติดตั้งขยายของงาน FDI (Feeder Device Interface) 4 ภาค ซึ่งเป็นสัญญาต่อเนื่องของงานโครงการ SCADA ที่จบโครงการ ไปแล้ว และ งานบริการจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าแรงสูง จากการงานติดตั้งอุปกรณ์ โหลดเบรคสวิตซ์
ทั้งนี้ งวดไตรมาส 1/2567 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 89.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 82.80 ล้านบาท สาเหตุหลักที่กำไรสุทธิของกลุ่มบริษัทฯ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากการควบคุมต้นทุน และ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ
นายกิตติ กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ในปี 2567 เติบโต 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 4.63 พันล้านบาท เนื่องจากมองเห็นศักยภาพในการเติบโตจากอุตสาหกรรมไฟฟ้าระบบ Smart Grid หรือระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่นำเทคโนโลยีหลากหลายประเภทเข้ามาทำงานร่วมกัน ทำให้ระบบไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยในปัจจุบันจำนวนรถไฟฟ้า (EV) ที่เพิ่มมากขึ้น จากนโยบายสนับสนุนจากทางภาครัฐ