แนวโน้มตลาดวันนี้ (21 พ.ค.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET ยังไม่ผ่านแนวต้าน 1385 จุด จากสัญญาณเทคนิคเข้าสู่ภาวะ overbought ทำให้คาดวันนี้มีแนวโน้มชะลอตัวในลักษณะเคลื่อนไหวอยู่ภายในกรอบ โดยกรอบบนยังถูกจำกัดบริเวณแนวต้าน 1385 จุด ส่วนกรอบล่างมีแนวรับอยู่ที่บริเวณ 1370 และ 1365 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
• สศช.ระบุ GDP 1Q67 ขยายตัว 1.5%YoY จากการบริโภคภาคเอกชนและการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว แต่การบริโภคและการลงทุนภาครัฐยังหดตัวต่อเนื่อง พร้อมปรับเป้า GDP ปี 67 เหลือ 2-3% จากเดิม 2.2-3.2% จากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้ารุนแรงขึ้น
• จนท. Fed หลายรายระบุขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่าเงินเฟ้อกำลังเป็นขาลง โดย Fed จำเป็นต้องดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อให้มั่นใจว่าเงินเฟ้อกำลังอยู่ในทิศทางขาลง
• วานนี้ ก. พาณิชย์ของจีนประกาศคว่ำบาตร Boeing และบริษัทอีก 2 แห่ง ฐานขายอาวุธให้ไต้หวัน โดยเพิ่มบริษัทเหล่านี้ลงในรายชื่อบริษัทที่ไม่น่าไว้วางใจ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นในวันเดียวกับที่ ปธน. คนใหม่ของไต้หวันเข้ารับตำแหน่ง
• สนง. ศุลกากรจีนระบุรัสเซียเป็นผู้จัดหาน้ำมันรายใหญ่อันดับ 1 ของจีนติดต่อกันเป็นเดือนที่ 12 ในเดือน เม.ย. โดยจีนนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียเพิ่มขึ้น 30%YoY แต่นำเข้าน้ำมันดิบจากซาอุดีอาระเบียลดลง 1 ใน 4 เนื่องจากจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
• รัฐบาลรัสเซียตัดสินใจระงับคำสั่งห้ามส่งออกน้ำมันเบนซินที่บังคับใช้เป็นการชั่วคราว หลังมีน้ำมันเบนซินในตลาดรัสเซียเพียงพอแล้ว โดยรัสเซียได้สั่งห้ามส่งออกน้ำมันเบนซินเป็นเวลา 6 เดือนตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.
• Apple ประกาศลดราคา iPhone บางรุ่นที่มีการจำหน่ายในเว็บไซต์ Tmall ของจีน โดยหวังแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ในจีน ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดโดยเฉพาะกับแบรนด์ Huawei
ล็อคเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ตลาดหุ้นไทยจะแกว่งตัวในกรอบ หลังขาดปัจจัยชี้นำและสิ้นสุดเทศกาลประกาศงบ 1Q67 โดยสัปดาห์นี้รอลุ้นข่าวความคืบหน้าการฟื้น LTF กลับมาอีกครั้ง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลัก ดังนี้
1) หุ้น Big Cap. ซึ่งกำไร 1Q67 ออกมาดีกว่าตลาดคาด และ 2Q67 มองกำไรจะยังสามารถเติบโตทั้ง YoY และ QoQ อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง เลือก MINT ADVANC TU BEM CPF
2) สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไรหุ้น Mid-Small Cap. ซึ่งคาดกำไร 2Q67 จะมีแนวโน้มเติบโตดีทั้ง YoY และ QoQ เลือก KCE BTG OSP HMPRO TIDLOR
3) สถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มเบาบางลง ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Bent ปรับตัวลดลงมาอยู่ในกรอบล่างของช่วง 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นมอง SET ยังแกว่งตัวเคลื่อนไหวในกรอบ หลังขาดปัจจัยชี้นำและสิ้นสุดเทศกาลประกาศผลประกอบการ 1Q67 ของ บจ. แล้ว ขณะที่ประเด็นในประเทศลุ้นอาจมีแรงเก็งกำไรในหุ้นขนาดใหญ่จากความคาดหวังข่าวความคืบหน้าการจัดตั้งกองทุน LTF หลัง FETCO นัดสมาชิก 7 องค์กร หารือกันในวันที่ 21 พ.ค. 67 นอกจากนั้นตัวเลขเศรษฐกิจในต่างประเทศเองก็มีแนวโน้มชะลอตัวลง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
Top Picks
MINT หุ้นเด่นกลุ่มท่องเที่ยว โมเมนตัมกำไรแข็งแกร่งขึ้น มอง 1Q67 เป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ คาดกำไร 2Q67 จะดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวในยุโรป ส่วนปี 2567 คาดกำไรปกติจะเติบโต 12%YoY สู่ 8.0 พันลบ. ปัจจุบันซื้อขายที่ PER 67F ที่ 22 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 31 เท่า
HANA คาดผลการดำเนินงานจะทยอยฟื้นตัวใน 2Q67 และจะฟื้นตัวชัดเจนใน 2H67 หนุนจากวงจรการเปลี่ยนสมาร์ทโฟน AI ธุรกิจ RFID และธุรกิจ PMS คาดไม่ได้รับผลกระทบจากราคาทองแดงและทองคำที่เพิ่มขึ้น เพราะส่งผ่านต้นทุนวัตถุดิบไปยังลูกค้าได้ และได้รับผลกระทบจำกัดจากการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ