“บมจ.ทีฆาก่อสร้าง หรือ TEKA” หุ้นรับเหมาสุดแกร่ง ประกาศผลงานไตรมาส 2/67 บุ๊คกำไรที่ 46.58 ลบ. โตจากงวดเดียวกันของปีก่อนกว่า 127% ทำนิวไฮรายไตรมาส หนุนภาพรวมครึ่งปีแรกสดใส มีกำไร 88.70 ลบ. ส่วนรายได้ช่วง 6 เดือนแรกอยู่ที่ 1,001.22 ลบ. เพิ่มขึ้น 18.41% สนับสนุนเป้ารายได้ทั้งปีโต 5-10% ตามแผน ชูรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ 10-15% พร้อมลุยต่อครึ่งปีหลัง ได้แรงสนับสนุนโครงการเมกะโปรเจ็กต์เดินหน้า
ดร.วีระศักดิ์ วานิชวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีฆาก่อสร้าง จำกัด (มหาชน) หรือ TEKA เปิดเผยถึง ผลประกอบการของบริษัทในงวดไตรมาส 2/2567 กำไรสุทธิมีการเติบโตอย่างน่าประทับใจ อยู่ที่ 46.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 127.40% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 20.49 ล้านบาท สำหรับกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 88.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 49.39% และมีสัดส่วนกำไรขั้นต้นในไตรมาส 2/2567 และไตรมาส 2/2566 เทียบกับรายได้จากการก่อสร้างอยู่ที่ 20.37% และ 12.78% ตามลำดับ หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 9.22% เนื่องจากบริษัทฯ มีการบริหารจัดการควบคุมต้นทุนวัสดุหลักได้ดีขึ้น เช่น ค่าเหล็ก ค่าคอนกรีต เป็นต้น รวมถึงปรับลดต้นทุนการดำเนินงานอื่นๆ อาทิ เช่น ปรับลดงบการรับประกันผลงานลดลง ส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาสนี้เติบโตได้อย่างดีเยี่ยม
ขณะที่ รายได้จากการก่อสร้างมีจำนวน 432.30 ล้านบาท ลดลง 6.24% จากงวดเดียวกันของปี 2566 มีรายได้อยู่ที่ 461.05 ล้านบาท สาเหตุการลดลงของรายได้เนื่องจากโครงการของบริษัทที่ดำเนินงาน อยู่ในช่วงส่งมอบงานช่วงสุดท้ายของโครงการเป็นส่วนใหญ่ โดยโครงสร้างรายได้ทั้งหมดมาจากงานภาคเอกชน ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในครึ่งปีหลังตามความสำเร็จของงาน และการประมูลงานใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี จากความสำเร็จของผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ปีนี้ สนับสนุนให้งวด 6 เดือนแรกของปี 2567 TEKA มีกำไรสุทธิ 88.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 141.58% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 36.72 ล้านบาท ขณะที่ กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 163.50 ล้านบาท หรือคิดเป็น 16.33% ซึ่งสูงกว่าช่วง 6 เดือนแรกของปีก่อนอยู่ที่ 51.14 ล้านบาท มาจากการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้น และมีรายได้จากการก่อสร้างจำนวน 1,001.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.41% จากงวดเดียวกันของปี 2566 มีรายได้อยู่ที่ 845.58 ล้านบาท ตอกย้ำภาพรวมธุรกิจของบริษัทมีทิศทางสดใส เดินหน้าสู่เป้าหมายรายได้ทั้งปีเติบโต 5-10% ตามแผน ขณะที่รักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit) ที่ 10-15% สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 2/2567 บริษัทฯ มี Backlog อยู่ที่ราว 3,160 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้รายได้ในช่วงปี 2567-2568 โดยแบ่งเป็นรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ประมาณ 1,200 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปีถัดไปและยังมีการมุ่งหวังที่จะเพิ่ม Backlog งานก่อสร้างใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีงานที่ยื่นประมูลกว่าหมื่นล้านบาท คาดว่าได้รับงานใหม่เข้ามาในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 2,600 ล้านบาท โดยช่วงครึ่งปีแรกปี 67 นี้ บริษัทได้รับงานไปแล้ว 1,600 ล้านบาท และคาดว่าครึ่งปีหลังอีก 1,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนรายได้ปี 2567 เติบโตตามแผนที่วางไว้
สำหรับกลยุทธ์ที่บริษัทฯ มุ่งเน้นพัฒนาเพื่อรักษาและเสริมสร้างความไว้วางใจ จะมุ่งเน้น 3 ส่วน ได้แก่ Business Growth โดยรักษาฐานลูกค้าเดิม หาตลาดงานก่อสร้างใหม่ๆ ลงทุนขยายธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโต และบริหารความเสี่ยงเพื่อรับมือภาวะเศรษฐกิจ พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน ในด้าน Smart People มีการปรับโครงสร้างองค์กร มุ่งพัฒนาบุคลากร และบริหารกำลังพลให้มีประสิทธิภาพ และ Innovative Culture พร้อมสร้างและพัฒนาองค์กรด้วยนวัตกรรม ตอกย้ำผู้นำด้านการก่อสร้างอาคารชั้นนำของประเทศ