แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (5 มี.ค.) บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET ยังปรับลงต่อเนื่อง และสัญญาณทางเทคนิคที่ดูอ่อนแรง อย่างไรก็ตาม ล่าสุดลงมาใกล้แนวรับสำคัญบริเวณจุดต่ำเดิม 1353-1360 จุด ขณะที่สัญญาณเทคนิคเข้าสู่ภาวะoversold ทำให้คาดดัชนีมีโอกาสรีบาวด์จากแนวรับดังกล่าว ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1370 และ 1375 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
• OPEC+ มีมติขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจไปจนสิ้น 2Q67 โดยซาอุดีอาระเบียจะปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจจำนวน 1 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่รัสเซียจะปรับลดกำลังการผลิตและการส่งออกน้ำมันรวม 471,000 บาร์เรล/วัน
• วันนี้จีนเตรียมเปิดประชุมสภาฯ โดยตลาดจับตาการส่งสัญญาณการออกมาตรการกระตุ้น ศก.
• Moody’s ปรับเพิ่มการคาดการณ์ ศก. อินเดียปี 67 สู่ระดับ 6.8% จากเดิมที่ระดับ6.1% หลัง ศก. เติบโตต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าอินเดียจะยังคงรักษาตำแหน่งประเทศที่ ศก. เติบโตเร็วที่สุดในกลุ่ม G-20
• สศช. ระบุ 3Q66 หนี้ครัวเรือนไทยสูงกว่า 16.2 ล้านลบ. เพิ่มขึ้น 3.3%QoQ สัดส่วนหนี้ครัวเรือนอยู่ที่ 90.9% ของ GDP โดยแนวโน้มหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นในอัตราชะลอลงหลัง ปชช. ลดการก่อหนี้เกือบทุกประเภทสินเชื่อ ยกเว้นหนี้จำนำทะเบียนรถที่เพิ่มขึ้น40.2% สะท้อนครัวเรือนขาดสภาพคล่อง
• ก. ท่องเที่ยวฯ ระบุนายกฯ เตรียมเข้าร่วมงานเทรดโชว์ท่องเที่ยว ไอทีบี เบอร์ลิน ที่เยอรมนี 5-7 มี.ค. เตรียมแถลงนโยบายขับเคลื่อนภาคท่องเที่ยว ด้าน ททท. คาด 1Q67 มีจำนวน นทท. ราว 10 ล้านคน เตรียมปรับเป้าปี 67 ขึ้น
• พาณิชย์ร่วมมือกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติเร่งลดจำนวนลูกหมูที่จะเข้าสู่ระบบการผลิตจนส่งผลกระทบต่อราคาที่เกษตรกรขายได้ เบื้องต้นจะตัดวงจรลูกหมูส่วนเกินเฉลี่ยวันละ 8,000 ตัว หลังปัจจุบันผลิตลูกหมูได้เฉลี่ยวันละ 58,000 ตัว
กลยุทธ์การลงทุน. ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเงินฝืดและการผลิตที่หดตัวต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดคาดตัวเลขเงินเฟ้อ ก.พ. ของไทยจะมีแนวโน้มติดลบเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ซึ่งอาจจะส่งผลให้มีแรงหนุนจากความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในระยะถัดไป ส่วนการประชุมนโยบายการเงินของ ECB ตลาดคาดจะยังคงที่ระดับ 4.0% ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
Top Picks
SPRC มองราคาหุ้นยัง Laggard กลุ่ม และการเข้าสู่ฤดูกาลขับขี่สหรัฐจะช่วยหนุนราคาน้ำมันเบนซิน คาดกำไรปกติ 1Q67 จะดีขึ้น QoQ จากการฟื้นตัวของ GRM และคาดธุรกิจการตลาดน้ำมันช่วยหนุน EBITDA ปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะถูกลดทอนโดยดบ. จ่ายที่สูงขึ้นจากการกู้ยืมเพิ่มเพื่อเข้าซื้อธุรกิจเมื่อ ม.ค. 67
BH 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับลง 6% มองสะท้อนกำไร 4Q66 ที่ออกมาต่ำกว่าตลาดคาดแล้ว ขณะที่ปี 2567 คาดกำไรจะกลับมาเติบโตในระดับปกติที่ 5% สู่ 7.3 พันลบ. อิงกับ EBITDA margin ที่กลับสู่ระดับปกติจาก 37.0% ในปี 2566 สู่ 36.3% ในปี 2567 เนื่องจาก pent-up demand ถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว
กลยุทธ์การลงทุน. ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเงินฝืดและการผลิตที่หดตัวต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดคาดตัวเลขเงินเฟ้อ ก.พ. ของไทยจะมีแนวโน้มติดลบเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ซึ่งอาจจะส่งผลให้มีแรงหนุนจากความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในระยะถัดไป ส่วนการประชุมนโยบายการเงินของ ECB ตลาดคาดจะยังคงที่ระดับ 4.0% ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”