แนวโน้มตลาดวันนี้ (20 ส.ค.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET ปรับขึ้นได้ต่อ ด้วยแรงหนุนทิศทาง fund flow ที่คาดไหลเข้า จากเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่อง และ sentiment บวกตลาดหุ้นสหรัฐ หลังคลายกังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย ด้านแนวต้านสำคัญอยู่ที่กรอบบนเดิมบริเวณ 1330-1335 จุด หากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเป็นสัญญาณบวกในภาพรวม ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1310 และ 1300 จุด ประเด็นสำคัญถัดไป ติดตามประชุม กนง. วันพรุ่งนี้
ประเด็นสำคัญ
• คามาลา แฮร์ริส ระบุหากชนะเลือกตั้ง ปธน. สหรัฐ จะหนุนแผนขึ้นภาษีนิติบุคคลสหรัฐเป็น 28% รวมทั้งลดภาษีสำหรับชนชั้นกลาง เพิ่มแรงจูงใจสำหรับผู้ซื้อบ้านครั้งแรก และแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ
• รมว. ตปท. สหรัฐระบุ ความพยายามทางการทูตครั้งล่าสุดที่จะบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซาอาจเป็นโอกาสสุดท้าย พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายช่วยกันผลักดันข้อตกลงนี้ให้สำเร็จ
• ธพ. หลายแห่งในจีนได้รับโควตาใหม่จาก PBOC ในการนำเข้าทองคำใน ส.ค. หลังระงับไป 2 เดือนจากความต้องการทองคำที่ซบเซา โดยจีนคาดความต้องการทองคำจะฟื้น แม้ราคาจะสูงเป็นประวัติการณ์ก็ตาม
• สกุลเงินในภูมิภาคเอเชียแข็งค่าสุดในรอบ 7 เดือน หลัง นลท. คลายกังวล ศก. สหรัฐถดถอย และคาดการณ์ Fed จะลด ดบ. ในเดือนหน้า ขณะที่ ศก. ของปท. ในเอเชียเริ่มฟื้นตัว
• สศช. รายงาน GDP ไทย 2Q67 โต 2.3% จากการบริโภคภาคเอกชน +4% การบริโภคภาครัฐ+0.3% การส่งออก +1.9% แต่การลงทุนรวมหดตัว 6.2% ทั้งนี้ได้ปรับกรอบ GDP ปีนี้เป็น 2.3-2.8% แต่ยังคงค่ากลางไว้ที่ 2.5%
• ธอส. ระบุธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 1H67 ชะลอตัวแรงมากกว่าช่วงสถานการณ์โควิดปี 63-64 เนื่องจากภาวะกำลังซื้ออ่อนแอ ศก. ชะลอตัว ปัญหาหนี้สิน และสถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยกู้ โดยยอดการโอนลดลง 9%YoY และมีมูลค่าลดลง 9.4%YoY
• Huawei ระบุจะทำงานร่วมกับ ก. ดิจิทัลฯ เพื่อช่วยผลักดันให้ไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางด้านคลาวด์ระดับภูมิภาค
กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นมอง SET จะยังผันผวน ระหว่างรอการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่เพื่อทราบถึงนโยบายเศรษฐกิจและนโยบายการบริหารประเทศ อย่างไรก็ดีประเมินจุดตั้งรับสำหรับการเข้าซื้อจะอยู่ที่บริเวณ 1280 จุด ขณะที่ตัวเลข PMI ส.ค. ของอียูและสหรัฐที่จะประกาศออกมาคาดยังอ่อนแอซึ่งจะส่งผลให้ตลาดมองถึงการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด สอดคล้องกับรายงานการประชุมเฟด ส่วนสัปดาห์นี้การประชุม กนง. คาดมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.5% และตลาดคาด GDP 2Q67 ของไทยจะขยายตัว 2.4%YoY (เราคาด 2.1%) เร่งขึ้นจาก 1Q67 ที่ขยายตัว 1.5% กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
Top Picks
AOT มองราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวหลังปลดล็อก overhang หยุดประกอบกิจการร้านค้าปลอดอากรขาเข้าแล้ว ขณะที่กำไรมีแนวโน้มปรับขึ้นสอดคล้องอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่เติบโต ประเมินกําไรปกติ 4QFY67 (ก.ค.-ก.ย. 67) จะเติบโต YoY และปี FY2567 มีกำไรปกติที่ 1.93 หมื่นลบ. เติบโตเด่น 109%YoY
KTB มองได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้น ศก. ระยะสั้นของรัฐ คาดกำไร 2H67 เพิ่มขึ้น YoY คาดปี 2567 กำไรโต 11% จาก Credit Cost ที่ลดลง สินเชื่อที่เติบโต NIM ที่ดีขึ้น และรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโต ขณะที่ความเสี่ยงคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ และมี Valuation ถูก PER 67F ที่ 6.2x (-2SD)