เอเซียพลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กางแผนธุรกิจและกลยุทธ์ 3 ปี ปักธงรายได้โต 10-15% ปี67 ชู Wealth Management เป็นหัวหอกในการเติบโต พร้อมรุกตลาดกองทุนรวม ต่อยอดบริการทางการเงินและผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกมิติ เติมเต็มความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม พร้อมส่งมอบผลดำเนินงานที่ดี มั่นใจ 4 ฐานธุรกิจแกร่ง ตอกย้ำความเป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจการเงินแบบครบวงจรเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด และประธานกรรมการบริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า เนื่องจากกลุ่มบริษัทเอเซีย พลัส ให้ความสำคัญต่อนโยบายการพัฒนาธุรกิจด้วยกลยุทธ์ Diversification (การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้ให้กลุ่มบริษัท) ส่งผลให้กลุ่มบริษัทเอเซียพลัส เป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจการเงินครบวงจรอย่างเต็มรูปแบบ สำหรับปี 2567 กลุ่มบริษัทเอเซีย พลัส ได้กำหนดกลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนองค์กรในระยะ 3 ปี (2567-2569) เพื่อใช้เป็นแนวทางให้ทุกหน่วยงานในองค์กรดำเนินงานไปในทิศทางเดียวกันและเพื่อสนับสนุนให้บริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตในระยะยาว ซึ่งปกติบริษัทตั้งเป้าหมายของรายได้เติบโตปีละ 10-15%
สำหรับในปี 2567 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 10-15% ซึ่งแรงขับเคลื่อนหลักมาจาก 4 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจด้านการลงทุน ธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สิน และธุรกิจที่ปรึกษา
ธุรกิจด้านการลงทุน (บมจ.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์) ปัจจุบันมีมูลค่าพอร์ต 2,000 ล้านบาท ซึ่งมีการกระจายการลงทุน หลักๆลงทุนในตราสารทุนและตราสารหนี้ประมาณ 1,000-1,500 ล้านบาท และลงทุนหุ้นนอกตลาดราว 400-500 ล้านบาท ซึ่งปีนี้เตรียมจะนำเงินลงทุน 400 ล้านบาท กำลังเจรจาลงทุนหุ้นนอกตลาดจะมีทั้งแบงก์และนอนแบงก์ ซึ่งปีที่แล้ว พอร์ตสามารถทำกำไรได้ค่อนข้างดีจากตลาดหุ้นสหรัฐ แต่ตลาดหุ้นไทยขาดทุน อย่างไรก็ตาม บริษัทคงวางกลยุทธ์ Increase Investment Capability เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งทั้งในแง่ของการขยายการลงทุนของบริษัทเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด ซึ่งบริษัทมีนโยบายการลงทุนในตราสารทุน ตราสารหนี้ ตราสารอนุพันธ์ หน่วยลงทุนทั่วโลก รวมถึงการลงทุนหุ้นนอกตลาด และธุรกิจ Startup
"พอร์ตลงทุนของบริษัทกระจายความเสี่ยงในหลายประเทศ ในหลากหลายสินทรัพย์เป็นการปรับพอร์ตลงทุนเพื่อชดเชยกำไร หลังจากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหุ้นมีรายได้ค่าคอมฯที่ลดลง ต่อไปจะเห็นการขยายบริการด้าน Wealthให้ลูกค้าเพิ่มมากขึ้นในฝั่งบล. "
ธุรกิจหลักทรัพย์ (บล.เอเซีย พลัส) ชูธุรกิจ Wealth Management เป็นหัวหอกในการเติบโตทั้งในระยะสั้นและระยะยาวต่อยอดของบริษัทที่มีในธุรกิจ Wealth management มามากกว่า 17 ปี ซึ่งได้สั่งสมและเรียนรู้ความต้องการของนักลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth) มาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีลูกค้ากว่า 10,000 ราย พร้อมรุกตลาดกองทุนรวมเพื่อสร้างฐานรายได้ที่มั่นคงสำหรับในอนาคต รวมทั้งยกระดับบริการ“นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Broker)” สู่การเป็น “ผู้ให้บริการบริหารความมั่งคั่ง(Wealth Management)” โดยแนวทางดำเนินงานที่สำคัญๆ ได้แก่ สร้าง Platform ที่มีมาตรฐานเพื่อส่งเสริมการลงทุนที่ตอบโจทย์ตรงตามความต้องการของกลุ่มลูกค้า ซึ่งจะมีเครื่องมือใหม่ๆ ให้บริการเพื่อให้เข้าถึงการลงทุนต่างๆ และสามารถติดตามพอร์ตได้ตลอดเวลา
ธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สิน (บลจ.แอสเซท พลัส) ปีนี้ตั้งเป้ามีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) 7 หมื่นล้านบาท จากสิ้นปีที่แล้วอยู่ที่ 6.5 หมื่นล้านบาท โดยกลยุทธ์มุ่งเน้นการออกผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ๆ ที่มีความแตกต่างจากตลาด เพิ่มกองทุนที่มีความหลากหลายในแต่ละประเทศ และในภาคอุตสาหกรรมที่เป็นที่นิยม ที่สำคัญที่สุดคือการส่งมอบผลการดำเนินงานของผลิตภัณฑ์ให้อยู่ในระดับที่ดีถึงดีที่สุดในอุตสาหกรรม ปัจจุบันกองทุนที่มีการลงทุนในตราสารทุนประเทศญี่ปุ่นอย่างกองทุนASP-NGF ที่มีการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมเป็นอันดับ 1 ในกองทุนประเภทเดียวกันในปี2566 รวมถึงกองทุนอื่นๆ โดยเฉพาะกองทุนตราสารทุนไทยอย่าง
กองทุน ASP-SME ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นและติดอยู่กลุ่มชั้นนำของอุตสาหกรรมได้ ในส่วนของกองทุนเปิดใหม่ในปี 2566 แอสเซท พลัส ได้มีการจัดตั้งกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทคาร์บอนเครดิต อย่างเช่น ASP-GCC-UI ที่เน้นการลงทุนในสินเชื่อนอกตลาดที่คุณภาพดี มุ่งเน้นการสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ และมีความผันผวนต่ำ
ธุรกิจที่ปรึกษา (บจก.ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส) เป็นอีกบทบาทสำคัญของบริษัทที่เข้ามามีส่วนร่วมผลักดันการเติบโตทางธุรกิจที่มั่นคงให้แก่กลุ่มลูกค้าธุรกิจ (Corporate) ซึ่งมีทั้งการระดุมทุนรูปแบบ Private Placement การทำ Merger & Acquisition (M&A) ซึ่งธุรกิจโรงแรมของไทยทำเลดี มีโอกาสที่จะเห็นการเจรจาซื้อขายกันมาก และการปรับโครงสร้างหนี้เพื่อให้ลูกค้าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายธุรกิจ
“สำหรับกลยุทธ์ Diversification ซึ่งเอเซีย พลัส ทำมาต่อเนื่องหลายปีแล้ว เรามองเห็นความสำคัญของการกระจายรายได้ในผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ซึ่งเป็นตัวแปรที่บ่งชี้ถึงความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตที่แข็งแกร่ง สะท้อนได้จากผลดำเนินงานในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทมีสัดส่วนรายได้ที่มีความสมดุลและทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 เรายังคงวางเป้าหมายในการเติบโตอยู่ที่ double- digit ทั้งในแง่รายได้และกำไร” ดร.ก้องเกียรติ กล่าว