แนวโน้มตลาดวันนี้ (24 ก.ย.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดดัชนีเข้าสู่ช่วงพักตัว โดยแม้ช่วงแรกจะได้ sentiment บวก จากกระแสตอบรับที่ดีของกองทุนวายุภักษ์ อย่างไรก็ตาม มองกรอบบนยังถูกจำกัดบริเวณแนวต้าน 1455-1460 จุด ขณะที่แรงส่งของหุ้นขนาดใหญ่ต่างๆ ลดน้อยลง จากหลายตัวเข้าสู่ภาวะ Overbought และเงินบาทที่แข็งค่าแรงและเร็ว สร้างความกังวลต่อภาคการส่งออก ด้านแนวรับอยู่ที่บริเวณ 1435-1440 จุด
ประเด็นสำคัญ
• เจ้าหน้าที่เฟดระดับสูงหลายรายต่างสนับสนุนการลดดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจแย่ลงไปมากกว่านี้ ขณะที่มีความกังวลว่าเงินเฟ้อปรับลงเร็วเกินไป
• รมว. แรงงานเผยการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาท/วัน อาจไม่ทันภายในวันที่ 1 ต.ค. นี้หลังการประชุมคกก. ค่าจ้างล่มเป็นครั้งที่สอง ด้านม. หอการค้าไทยเผยว่านายจ้างส่วนใหญ่ต้องการให้มีการปรับขึ้นโดยพิจารณาเป็นรายพื้นที่มากกว่า
• ม. หอการค้าเผยภาวะบาทแข็งค่าอย่างรวดกระทบต่อผู้ส่งออกที่ใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลักมากที่สุด และมีแผนจะเข้าหารือกับรมว. คลังและธปท. เร็วๆ นี้ โดยมองมูลค่าเหมาะสมอยู่ที่ 34 บาท/ดอลลาร์
• ธปท. เผยมี 5 กลุ่มที่ยื่นขอใบอนุญาต Virtual Bank 1) KTB-OR-ADVANC, 2) BTS/VGI-BBL-Sea Group-สหพัฒน์-ไปรษณีย์ไทย, 3) SCBX-KakaoBank-WeBank, 4) TrueMoney-Ant Groupและ 5) Lightnet Group-WeLab คาดรู้ผลภายในช่วงกลางปี 2568 โดยผู้ได้รับอนุญาตจะต้องเปิดให้บริการภายใน 1 ปีหลังจากได้รับอนุญาต
• เวียดนามคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของประเทศจะทำรายได้สูงถึง 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี โดยมีอัตราเติบโตต่อปี 10-15% ภายในปี 2573 และคาดว่าจะขึ้นเป็นผู้นำในบางขั้นตอนของห่วงโซ่การผลิตได้ภายในปี 2583-2593
• ติดตามสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่เริ่มปะทุอีกครั้ง หลังสถานทูตจีนในอิสราเอลประกาศแจ้งเตือนชาวจีนที่อาศัยในอิสราเอลให้อพยพโดยทันที หลังสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ตึงเครียดมากขึ้น
กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway Up และเริ่มมี Upside จำกัด แรงหนุนจะมาจากแนวโน้มดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลง บวกกับ ความคาดหวังการออกนโยบายผลักดันแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมทั้งการแข็งค่าของเงินบาทระยะสั้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นไทยเมื่อเทียบกับภูมิภาค สะท้อนได้จาก Fund Flow ในเดือนก.ย. ที่ต่างชาติพลิกซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยแล้วกว่า 3 หมื่นลบ. อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจของฝั่งเอเชีย โดยเฉพาะจีน ยังมีแนวโน้มอ่อนแอ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
Top picks
CPALL: กำไร 2H67 คาดจะเติบโต YoY ดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ โดย 3Q67 คาดกำไรจะเติบโต YoY และ QoQ แรงหนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้นจากธุรกิจ CVS และ CPAXT ส่วน 4Q67 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 2567 จากเข้าสู่ High Season อีกทั้ง valuation น่าสนใจ โดยซื้อขายที่ PER 67F ระดับ 25 เท่า (-2SD)
SCGP: แนวโน้มผลระกอบการ 2H67 คาดฟื้นตัวหนุนจากปริมาณผลิตที่เพิ่มขึ้นหลังเข้าสู่ช่วง High season ในช่วง ก.ย. -ต.ค. อีกทั้งราคาขายเฉลี่ยปรับขึ้นเช่นกัน อยู่ระหว่างการปรับกลยุทธ์เพิ่มพลิกฟื้นธุรกิจในอินโดนีเซีย YTD ราคาหุ้นปรับลดลง 20% ทำให้ valuation น่าสนใจ อยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต (-1.5SD)