แนวโน้มตลาดวันนี้ (18 ก.ย.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET มีอัตราเร่งลดลง และคาดวันนี้จะเคลื่อนไหวโดยแกว่งในกรอบ โดยมีกรอบล่างบริเวณแนวรับ 1430 และ 1420 จุด ตามลำดับ เป็นจุดรองรับ ขณะที่กรอบบนในระยะสั้นถูกจำกัดบริเวณแนวต้าน 1445 และ 1450 จุด ตามลำดับ เนื่องจากนักลงทุนในตลาด รอผลประชุมเฟดเพื่อติดตามอัตราการลดดอกเบี้ย และประเมินผลต่อทิศทางตลาด
ประเด็นสำคัญ
• สคร. ประชุมคณะกรรมการบริหารและพัฒนาหลักทรัพย์ของรัฐเพื่อเตรียมแนวทางบริหารหลักทรัพย์ (หุ้น) ที่คลังถืออยู่ทั้งที่จดทะเบียนและไม่ได้จดทะเบียนในตลท. เพื่อให้การบริหารพอร์ตหุ้นมีมูลค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยจะกำหนดแนวทางที่ชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์นี้
• ครม. อนุมัติกระตุ้นเศรษฐกิจแจกเงิน 10,000 บาท 14.5 ล้านคน ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ-บัตรคนพิการ รวม 1.4 แสนลบ. ดัน GDP ปีนี้ 0.35% พร้อมตั้งบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจพิจารณาแผนเศรษฐกิจปลายปี โดยคาดนายกฯ จะแต่งตั้งได้ภายในสัปดาห์นี้
• รมว. ท่องเที่ยวฯ เผยจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-15 ก.ย. 67 มี 24.8 ล้านคน สร้างรายได้ราว 1.16 ล้าน ลบ. นักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย
• รมว. ท่องเที่ยวฯ มีแนวคิดฟื้นโครงการเราเที่ยวด้วยกันหรือคนละครึ่งอีกครั้ง เพื่อเป็นมาตรการส่งเสริมตลาดไทยเที่ยวไทย เพราะสามารถกระตุ้นการจับจ่ายและสร้างรายได้แก่ผู้ประกอบการทุกระดับ
• รมว.อุตสาหกรรมเผยมีนโยบายการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม SME สำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็ก เพื่อช่วยลดต้นทุนและสามารถส่งต่อวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ให้ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมได้
• อิทธิพลของเฮอร์ริเคนฟรานซีนทำให้การผลิตน้ำมันดิบกว่า 12% และการผลิตก๊าซธรรมชาติ 16% ในอ่าวเม็กซิโกยังคงถูกระงับ
• สหรัฐเผยยอดค้าปลีก ส.ค.ปรับขึ้น 0.1%MoM สวนทางตลาดคาดจะลดลง 0.2%MoM ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในทิศทางที่แข็งแกร่งตลอดช่วง 3Q67 ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐฯ ส.ค. เพิ่มขึ้น 0.8%MoM สูงกว่าตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.2%MoM
กลยุทธ์การลงทุน ช่วงสั้นมอง SET ยังอยู่ในช่วงของการพักตัวและมี Upside จำกัด แต่อาจมีปัจจัยหนุนจากความคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งจะช่วยหนุนบรรายากาศลงทุนของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้นได้ อย่างไรก็ดี ต้องจับตาความแตกต่างด้านการดำเนินนโยบายของ BoJ ซึ่งอาจส่งผลต่อ Yen Carry Trade ที่อาจกระตุ้นแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกได้ ท่ามกลางกระแสเงินในตลาด EM ที่ไม่ชัดเจน ทั้งนี้ในส่วนของตลาดหุ้นไทยมองจะมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าในกลุ่ม Defensive อย่าง กลุ่มค้าปลีก กลุ่มการแพทย์ กลุ่มโรงไฟฟ้า กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
Top picks
ADVANC: 3Q67 คาดกำไรจะเติบโต QoQ และ YoY แรงหนุนจากการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ รายได้ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และ ARPU ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทั้งปี 2567 คาดกำไรจะเติบโต 10.9%YoY ส่วนแผนร่วมมือกับ KTB ในการจัดตั้ง Virtual Bank จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของกำไรในระยะยาว
MINT: มองโมเมนตัมกำไรยังแข็งแกร่ง โดย 3Q67 คาดกำไรปกติจะเติบโต YoY แต่ลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ส่วน 2H67 คาดกำไรปกติจะเติบโตทั้ง YoY และ HoH จากธุรกิจโรงแรมที่แข็งแกร่งในยุโรปจากการเพิ่มขึ้นของ ARR ขณะที่ราคาหุ้นเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตามภาพตลาดหุ้นไทย แต่ยังลดลง 4.2%YTD ส่งผลให้ valuation ยังถูก (PBV -2SD)