บอร์ด บมจ.วาว แฟคเตอร์ ไฟเขียวเพิ่มทุน 2,543 ล้านหุ้น ขายแบบ PP ให้พันธมิตรบิ๊กเนม 1,650 ล้านหุ้น ราคา 0.65 บาท พร้อมแจก W-W7 ให้ผู้ถือหุ้นฟรีในสัดส่วน 3:1 รองรับแผนแตกไลน์ธุรกิจใหม่ อยู่ในอุตสาหกรรมเมกะเทรนด์ อนาคตโตก้าวกระโดด พร้อมเคลียร์หนี้ ตามนัด! ปูทางสู่การปลดล็อกเครื่องหมาย C
นายภูริชญ์ วงศ์ขำ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการ บริษัท วาว แฟคเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ W เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 พิจารณาอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนเดิมของบริษัทจำนวน 2,543,532,406 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 1,401,666,357 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 3,945,198,763 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวน 2,543,532,406 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1.00 บาท
ทั้งนี้ เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท (W-W7) จำนวน 893,532,406 หุ้น ซึ่งจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 3 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ
นอกจากนี้ ยังเตรียมจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้กับบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวน 10 ราย จำนวน 1,650,000,000 หุ้น ในราคา 0.65 บาท/หุ้น ประกอบด้วย 1.นางสาวสาธิตา พลสุวัตถ์ จำนวน 600,000,000 หุ้น 2.นางสาวชรินรัตน์ เพ่งสวัสดิ์ จำนวน 381,000,000 หุ้น 3.นายศุภชัย วัฒนาสุวิสุทธิ์ จำนวน 185,000,000 หุ้น 4.ดร.ปฏิมา จีระแพทย์ จำนวน 135,000,000 หุ้น 5.นายณัฐพงศ์ ศีตะวรวัตน์ จำนวน 100,000,000 หุ้น 6.นายชาติชาย พุคยาภรณ์ จำนวน 99,000,000 หุ้น 7.นายธิติ วงศ์สุทธิรัตน์ จำนวน 50,000,000 หุ้น 8.นายบุญเอื้อ จิตรถนอม 40,000,000 หุ้น 9.นางปุณยนีย์ ว่องเจริญวัฒนา จำนวน 30,000,000 หุ้น และ 10.นายปฏิพล ประวังสุข จำนวน 30,000,000 หุ้น
โดยบริษัทฯกำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติการเพิ่มทุน และจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน ในวันที่ 30 เมษายน 2567 เวลา 10.00 น. โดยเป็นการจัดประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ตามพระราชกำหนดว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2563 และกฎหมายและกฎระเบียบอื่นๆที่เกี่ยวข้อง กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 18 มีนาคม 2567
สำหรับวัตถุประสงค์การเพิ่มทุน PP ในครั้งนี้ เพื่อรองรับการขยายการลงทุนในอนาคต ในธุรกิจที่มีศักยภาพ ซึ่งมีผลตอบแทนการลงทุนที่ดี วงเงินประมาณ 650-1,000 ล้านบาท ระหว่างปี 2567-2568 และชำระหนี้ของบริษัทประมาณ 350-450 ล้านบาท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
“การเพิ่มทุนในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวครั้งสำคัญของบริษัทฯ โดยเงินส่วนใหญ่ที่ได้จากการเพิ่มทุนขาย PP เตรียมไว้สำหรับการแตกไลน์ธุรกิจใหม่ ซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมเมกะเทรนด์ เพื่อสร้างโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต ขณะเดียวกันยังเตรียมไว้สำหรับการคืนหนี้ให้กับเจ้าหนี้ ตามแผนงานที่วางไว้ รวมไปถึงนำไปสู่การแก้ปัญหาส่วนผู้ถือหุ้นต่ำกว่า 50% ของทุนชำระแล้ว และเรายังแจกวอร์แรนท์ฟรีให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 3 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 วอร์แรนท์ เพื่อเป็นการตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นที่ให้ความไว้วางใจ และลงทุนในบริษัทฯ เพื่อก้าวต่อไปร่วมกัน”
ขณะที่ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 ขาดทุนสุทธิ 148 ล้นบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 579 ล้านบาท