PCC โชว์ผลงาน 9 เดือนแรกปีนี้สุดแกร่ง! กวาดรายได้รวม 3,352.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.93% กำไรสุทธิ 259.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.83% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อานิสงส์ยอดขายกลุ่มสินค้าหม้อแปลงเครื่องมือวัดแรงดันและกระแส, กลุ่มสินค้าสวิตช์ตัดตอนชนิดต่างๆ, กลุ่มสินค้าสวิตช์ใบมีดแรงดันกลางและสูง และกลุ่มอุปกรณ์และระบบควบคุมสำหรับระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ และจากงานโครงการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ฟากซีอีโอ “กิตติ สัมฤทธิ์” มั่นใจรายได้ปีนี้สัญญาณดี โชว์ Backlog แน่นกว่า 4.3 พันล้านบาท ระบบสมาร์ทกริดโตต่อเนื่อง
นายกิตติ สัมฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (PCC) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปีนี้ มีรายได้รวม 3,352.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 95.33 ล้านบาท หรือ 2.93% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากยอดขายกลุ่มสินค้าหม้อแปลงเครื่องมือวัดแรงดันและกระแส, กลุ่มสินค้าสวิตช์ตัดตอนชนิดต่างๆ, กลุ่มสินค้าสวิตช์ใบมีดแรงดันกลางและสูง และกลุ่มอุปกรณ์และระบบควบคุมสำหรับระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ ให้กับกลุ่มลูกค้าภาครัฐ และเอกชนเพิ่มขึ้น และจากงานโครงการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูง
ขณะที่มีกำไรสุทธิ 259.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.83% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากรายได้รวมที่เพิ่มสูงขึ้น และการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้า
ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2566 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,112.18 ล้านบาท ลดลง27.33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากงวดเดียวกันของปีก่อนมีการส่งมอบอุปกรณ์และระบบควบคุมสำหรับระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะในสัดส่วนที่ค่อนข้างสูงกว่า อย่างไรก็ตามแม้รายได้จะลดลงแต่บริษัทยังสามารถมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 91.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.09% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากปัจจัยหนุนของการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพที่ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น และการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้า
ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่า รายได้ปีนี้จะเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 4,859.98 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯมองเห็นโอกาสใหม่ๆ และการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขยายกำลังการผลิตของหม้อแปลงไฟฟ้า และการขยายตัวของระบบสมาร์ทกริด ขณะเดียวกันยังเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) จำนวน 4.3 พันล้านบาท และอยู่ระหว่างรอประกาศผลการประมูลของปีนี้อีกจำนวนหนึ่ง