BEM เผยปี 2566 รายได้ทะยาน 16,375 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,479 ล้านบาท จากการเติบโตของเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยว พร้อมปัจจัยบวกจากกิจกรรมรอบเส้นทางรถไฟฟ้าที่คึกคัก ส่งผลให้มีปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้น ล่าสุดมีสถิติสูงสุดใหม่ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 อยู่ที่ 558,656 เที่ยว ด้านทางพิเศษพบปริมาณรถกลับมามากกว่า90%
ดร.สมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้ให้บริการทางพิเศษและรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยวที่รัฐบาลพยายามกระตุ้น ผนวกกับการมีกิจกรรมรอบเส้นทางรถไฟฟ้าที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยเชิงบวกจากการเปิดให้บริการของรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่ส่งผู้โดยสารเข้าสู่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่จุดเชื่อมต่อสถานีลาดพร้าว ส่งผลให้มีปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยในปี 2566 ผู้ใช้บริการเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่390,260 เที่ยว โตจากปีก่อน 44% ทำสถิติสูงสุดอยู่ที่ 526,900 เที่ยว เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2566 และล่าสุดยังมีสถิติ New High เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ 558,656 เที่ยว ในส่วนของทางพิเศษปี 2566 มีรถใช้บริการเฉลี่ย 1.12 ล้านเที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 7% และปริมาณผู้ใช้ทางกลับมาเกินกว่า 90% เมื่อเทียบกับปีก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 โดยสายทางที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว อาทิ เส้นทางที่มุ่งสู่สนามบินสุวรรณภูมิมีการเติบโตสูงกว่าสายทางอื่น
สำหรับปี 2566 มีรายได้จากธุรกิจหลักซึ่งประกอบด้วย รายได้ค่าผ่านทาง รายได้ค่าโดยสารและรับจ้างเดินรถ รวมทั้งรายได้จากการพัฒนาเชิงพาณิชย์เติบโตต่อเนื่องรวมทั้งปี มีจำนวน 16,375 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2,345 ล้านบาท หรือ 17% มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท จำนวน 3,479 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน1,043 ล้านบาท หรือ 43% ซึ่งถือเป็นกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติที่เป็น New High ของบริษัทในอดีตที่ผ่านมาซึ่งมีกำไรสุทธิที่ไม่ร่วมรายการพิเศษจะอยู่ราวๆ 3,100 ล้านบาท
ขณะเดียวกันที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้นำเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 เพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.14 บาท โดยการประชุมจะจัดขึ้น ในวันที่ 10 เมษายน 2567 เวลา 14.00 น. รูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
สำหรับในปี 2567 จากภาพรวมของโครงการขนาดใหญ่อย่าง One Bangkok และDusit Central Park ที่หากเปิดดำเนินการได้ภายในปีนี้ คาดว่าจะส่งผลบวกในเชิงปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น เชื่อมโยงสู่มูลค่าอัตราการมองเห็น (Eyeballs) ของพื้นที่ในการโฆษณาตามโลเคชั่นต่างๆ ในสถานีรถไฟฟ้า MRT ที่จะเพิ่มสูงขึ้น ก็มีแนวโน้มจะส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์เช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ BEM จะยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจอย่างเข้มแข็ง ด้วยความพร้อมและความมุ่งมั่นในการส่งมอบการบริการคมนาคมขนส่งที่ปลอดภัย สะดวก รวดเร็ว ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social, Governance : ESG) สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาองค์กรให้เติบโตมั่นคงอย่างต่อเนื่อง และให้ความสำคัญแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน