ทิศทางหุ้นไทย ลุ้นฟื้นตัวได้ต่อ แรงหนุนจากต่างประเทศ หลังสหรัฐเปิด GDP 4Q66 โต 3.3% ลดกังวล ศก.ถดถอย วันนี้ รมว. ต่างประเทศจีน มาไทยพร้อมเซ็นฟรีวีซ่าถาวร
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (26 ม.ค.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดว่า การชะลอตัว SET มีแนวรับบริเวณ 1370 และ 1360 จุด ตามลำดับ เป็นจุดติดตาม หากไม่ต่ำกว่า คาดว่ายังมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ต่อ โดยมีแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1386 และ 1396 จุด ตามลำดับ ส่วนกรณีต่ำกว่า 1360 จุด จะกลับมาเป็นสัญญาณลบ และมีแนวโน้มทดสอบจุดต่ำเดิมอีกครั้งบริเวณ 1354 จุด
ประเด็นสำคัญ
• GDP 4Q66 (ครั้งที่ 1) ของสหรัฐ +3.3% สูงกว่าคาด แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง ช่วยให้ นลท. คลายกังวลภาวะ ศก. ถดถอยหลัง Fed ปรับขึ้น ดบ. เชิงรุกในช่วงที่ผ่านมา
• ยอดขายบ้านใหม่ ธ.ค. ของสหรัฐ +8.0%MoM และ +4.4%YoY อยู่ที่ 6.64 แสนยูนิต สูงกว่าตลาดคาด ส่วนราคาเฉลี่ยของบ้านใหม่ ธ.ค. ลดลงสู่ 413,200 เหรียญ
• ECB มีมติคง ดบ. เงินฝากที่ 4.00%, ดบ. เงินกู้ที่ 4.75% และ ดบ. รีไฟแนนซ์ที่ 4.50% ตามคาด เป็นการตรึง ดบ. ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3
• ก. คมนาคมของจีนระบุยอดการเดินทางในจีนมีแนวโน้มแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 9 พันล้านครั้งในช่วง 40 วันของช่วงชุนอวิ้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดินทางเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน
• กองทัพยูเครนส่งโดรนโจมตีโรงงานน้ำมันของรัสเซียซึ่งมีกำลังผลิต 2.4 แสนบาร์เรล/วัน ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการส่งออกปิโตรเลียมของรัสเซีย
• นายหวัง อี้ รมว. ต่างประเทศจีน มีกำหนดเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการในวันที่26-29 ม.ค. นี้ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในสาขาต่างๆ โดยวันนี้เตรียมเข้าพบนายกฯร่วมลงนามฟรีวีซ่าไทย-จีนแบบถาวร เริ่มมีผล 1 มี.ค. นี้
• REIC รายงานดัชนีราคาค่าก่อสร้างบ้านมาตรฐาน 4Q66 ที่ 134.5 เพิ่มขึ้น0.2%QoQ และ 2.0%YoY บ่งชี้ราคาค่าก่อสร้างบ้านมาตรฐาน ยังอยู่ในทิศทางที่ปรับขึ้น แต่เป็นการปรับตัวขึ้นไม่มาก
กลยุทธการลงทุน ช่วงสั้นตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มได้รับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดตลาดจะมีการปรับลดความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดลง หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ เงินเฟ้อ ตลาดแรงงานและการผลิตไม่ได้แย่อย่างที่กังวล ซึ่งทำให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงมีโอกาสพักฐานในช่วงสั้น ขณะที่ในประเทศเองยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ กลยุทธ์ลงทุนจึงเน้น “ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด”
Top Picks
AOT มองมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากกำไร 1QFY67 (ต.ค.-ธ.ค. 66) ที่คาดแข็งแกร่งโดยคาดกำไรปกติ 5.6 พันลบ. เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด YoY และ 54%QoQ อิงจำนวนผดส. ระหว่าง ปท. ที่ 16.9 ล้านคน โดยคาดราคาหุ้นซื้อขายที่ PEG 0.2 เท่า ต่ำกว่าPEG เฉลี่ยหุ้นกลุ่มเดียวกันในภูมิภาคที่ 0.3 เท่า
BCP ช่วงสั้นได้ sentiment บวกจากราคาน้ำมันปรับขึ้น แม้คาดปี 2566 กำไรปกติลดลง 45%YoY จาก GRM สูงผิดปกติในปี 2565 แต่จะกลับมาโต 52%YoY ในปี 2567 ทั้งยังจ่ายปันผลดี คาดให้ Div. Yield ปี 66 (หลังหักจ่ายระหว่างกาลแล้ว) เกิน 5% ทั้งนี้แนะนำราคาเข้าซื้อเก็งกำไรไม่เกิน 42 บ.