หุ้นน้องใหม่ BKGI เทรดวันแรกพุ่งเหนือจอง 33.74% จากราคาไอพีโอ 1.63 บาท ตอกย้ำ Stock In The Future ในฐานะหุ้น Biotechnology รายแรกของไทย เปิดกลยุทธ์การเติบโตช่วง 3 ปีข้างหน้า ลุยจับมือพันธมิตรรุกขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ควบคู่การขยายการให้บริการใหม่ๆ หนุนผลงานโตเท่าตัว ภายใต้จุดแข็งพันธมิตรหลักกลุ่ม BGI เจ้าแห่งศาสตร์จีโนมิกส์การถอดรหัสพันธุกรรมระดับโลก
หุ้น บริษัท แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BKGI เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้(20 มี.ค.) เป็นวันแรก ไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง โดยเปิดตลาดที่ 2.18 บาท เพิ่มขึ้น 0.55 บาท หรือ 33.74% จากราคาไอพีโอที่ 1.63 บาท ซึ่งครึ่งชั่วโมงแรกของการซื้อขายระดับราคาขึ้นไปแตะสูงสุดที่ 2.60 บาท
ดร.เสาวลักษณ์ ด่านสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) (BKGI) เปิดเผยว่า หุ้นบริษัทฯได้เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ (SET) ในหมวดบริการ/การแพทย์ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 เป็นวันแรกได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วไปอย่างดีเยี่ยม โดยเปิดการซื้อขายที่ 2.18 บาท เพิ่มขึ้น 0.55 บาท หรือ 33.74% เทียบราคาไอพีโอที่ 1.63 บาท/หุ้น สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯในฐานะหุ้น Biotechnology รายแรกของไทย ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ที่มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ตอกย้ำความเป็น Stock In The Future หรือหุ้นแห่งอนาคต อยู่ใน Mega Trend โลก ที่มีการเติบโตสูง
"ต้องขอขอบคุณผู้ถือหุ้นและนักลงทุนที่ให้การต้อนรับ BKGI อย่างอบอุ่น ทีมงานและผู้บริหารของบริษัทฯพร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนงานที่วางไว้ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตในอนาคต โดยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในช่วง 3 ปีข้างหน้า บริษัทฯ พร้อมจับมือพันธมิตรมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลภาครัฐ และเอกชน เพื่อขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการขยายการให้บริการใหม่ๆ เพิ่มศักยภาพการเติบโตในอนาคต ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานของบริษัทโตเท่าตัว ภายใต้จุดแข็งกลุ่ม BGI เจ้าแห่งศาสตร์จีโนมิกส์การถอดรหัสพันธุกรรมระดับโลก และแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่ง ที่พร้อมเติบโตไปกับอุตสาหกรรมการแพทย์จีโนมิกส์ซึ่งเป็นธุรกิจแห่งอนาคต”
ทั้งนี้ BKGI สามารถให้บริการตรวจและคัดกรองพันธุกรรมได้ทุกช่วงอายุตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ ไปจนถึง วัยชรา รวมถึงการตรวจวิเคราะห์กลุ่มโรคติดเชื้อ และการตรวจวิเคราะห์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม ภายใต้เครื่องหมายการค้า ได้แก่ NIFTY, VISTA, NOVA, BGI-XOME, COLOTECT, SENTIS และ DNALL ซึ่งเป็นที่ยอมรับของคู่ค้าและผู้ใช้บริการ
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ของ BKGI กล่าวว่า การเข้าเทรดในวันแรกได้รับการตอบรับอย่างคึกคัก เนื่องจากนักลงทุนมั่นใจปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯที่มีความแข็งแกร่ง ซึ่งเห็นได้จากผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
สำหรับเงินที่ได้จากการเสนอขาย IPO ในครั้งนี้ บริษัทฯจะนำไปใช้สำหรับการขยายธุรกิจ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รองรับแผนการเติบโตในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า เพื่อโอกาสในการเติบโตของรายได้และกำไร ทำให้ธุรกิจเติบโตแข็งแกร่งในระยะยาว
“เชื่อว่า BKGI จะเป็นหุ้นที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนในอนาคต เนื่องจากมีแนวโน้มการเติบโตสูง เห็นได้จากการเติบโตของรายได้ในการให้บริการด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ของ BKGI ซึ่งถือเป็นธุรกิจหลัก ในช่วงปี 2563 - 2566 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 23.40% ต่อปี และภายหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) มีฐานทุนที่พร้อมสนับสนุนให้มีศักยภาพผลักดันการเติบโตได้มากขึ้น” นายสมภพกล่าวในที่สุด
ทั้งนี้ BKGI ได้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 160 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.67% ของจำนวนหุ้นสามัญที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้งจีนและไทย
สมัครใจ Lockup หุ้นส่วนที่ไม่ติดไซเรนพีเรียดตามเกณฑ์ SET ทั้งหมด เป็นเวลา 1 ปี
อนึ่ง BKGI ให้บริการตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์ โดยนำเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยที่ได้รับการถ่ายทอดจากกลุ่ม BGI ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำการถอดรหัสพันธุกรรมของโลก มาใช้ในการพัฒนาการตรวจวิเคราะห์ของ BKGI เพื่อให้ประชากรไทยมีสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนในอนาคต
โดยลักษณะการประกอบธุรกิจ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1. ธุรกิจการให้บริการตรวจคัดกรองและวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1) การตรวจคัดกรองความผิดปกติทางพันธุกรรมด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ 2) การตรวจวิเคราะห์กลุ่มโรคติดเชื้อ เช่น การตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อก่อโรคโควิด-19 และการตรวจภูมิคุ้มกัน 3) การตรวจคัดกรองอื่นๆ ได้แก่ การตรวจคัดกรองกลุ่มยีนที่มีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็ง และการตรวจคัดกรองโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมอื่นๆ และ 4)
การให้บริการงานด้านเทคโนโลยี
2. ธุรกิจการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อื่นๆ (Other Products) เช่น ชุดอุปกรณ์สำหรับการเก็บสิ่งส่งตรวจ น้ำยาตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด-19 น้ำยาตรวจภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโควิด-19 และชุดอุปกรณ์สำหรับตรวจความผิดปกติทางพันธุกรรมแบบครบวงจร เป็นต้น รวมทั้งในอนาคต จะมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ให้กับลูกค้าที่ใช้บริการถอดรหัสทางพันธุกรรมเฉพาะบุคคลอย่างละเอียด ตามคำแนะนำของแพทย์