หุ้นไทยวันนี้ คาดคึกคักรับกิจกรรมรัฐบาลใหม่ 5 ก.ย. ถวายสัตย์ปฏิญาณตนฯ 8 ก.ย. แถลงนโยบายฯ และประชุม ครม. 12 ก.. นี้ ฝั่งราคาน้ำมันดิบยังขึ้นต่อและสหรัฐว่างงานเพิ่มขึ้น หนุนเฟดยุติขึ้นดอกเบี้ย เลือกหุ้นมีข่าวบวกหนุน ชู PTTEP -SPRC
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (4 ก.ย.) บล. กรุงศรี ประเมิน SET แกว่งตัว 1,550 - 1,570 จุดแม้จะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นตามความกังวล Supply ตึงตัวจากคาดการณ์กลุ่มโอเปกพลัสลดกำลังการผลิตน้ำมันจนถึงสิ้นปีนี้ รวมถึงคาดการณ์ FED ยุติการปรับขึ้นดอกเบี้ยหลังอัตราการว่างงานสหรัฐปรับขึ้นสู่ 3.8%และการขยายตัวของค่าจ้างชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม Fund flow ต่างชาติที่ผันผวนจะกดดันให้ดัชนีแกว่งตัว
กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy แนะนำหุ้น PTTEP TOP BCP SPRC ราคาน้ำมันดิบขึ้นเหนือ 85 ดอลลาร์/บาร์เรล และ STA NER TEGH อานิสงส์ราคายางพาราปรับตัวขึ้น ส่วน CPALL CPAXT HMPRO GLOBAL DOHOME CPN CRC COM7 SYNEX SAWAD MTC AEONTS KTC คาดหวังนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย
หุ้นแนะนำวันนี้
-PTTEP (ปิด 162.50 บาท ซื้อเก็งกำไร/เป้า 182 บาท) คาดการณ์กำไรสุทธิ 3Q23 ฟื้นตัวต่อเนื่อง วันนี้ได้ Sentiment บวกราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดในปีนี้ คาดOPEC+ ขยายเวลาการลดการผลิตและคาดเฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ย
-SPRC (ปิด 9.25 บาท ซื้อ/เป้า IAA Consensus 10.70 บาท) ภาครัฐส่งสัญญาณลดราคาดีเซลทันที โดยใช้กลไกลดภาษีสรรพสามิต ข่าวนี้ปลดล็อก Overhang ให้กับกลุ่มโรงกลั่นเพราะเดิมตลาดกลัวรัฐจะใช้การลดราคาหน้าโรงกลั่น
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) Domestic play เก็งกำไร คาดรัฐบาลแถลงนโยบาย 8 ก.ย.และประชุม ครม.นัดแรก12 ก.ย. นี้: พระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรีตามที่นายกฯ เสนอ ลำดับถัดไปจะมีการเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนฯ ในวันที่ 5 ก.ย. 66, แถลงนโยบายต่อรัฐสภา 8 ก.ย. และคาดว่าจะประชุม ครม. นัดแรก 12 ก.ย. หนุนหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐอีกครั้ง อาทิ ค้าปลีก รับเหมา นิคมฯ และ กลุ่มไฟแนนซ์
(+) คาดหวังเฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ยหลังอัตราว่างงานสหรัฐเพิ่มขึ้นใกล้แตะเป้าหมายเฟดที่ 4%: สหรัฐรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 187,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่ Consensus คาดไว้ที่ 170,000 ตำแหน่ง แต่อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นแตะระดับ 3.8% ใกล้เคียงกับเป้าหมายของเฟดที่ 4% และมากกว่าที่ Consensus คาดไว้ที่ 3.5%
(+) น้ำมันดิบพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดในปีนี้ โดยมีหลายปัจจัยหนุน: ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.92 ดอลลาร์ (+2.3%) ปิดที่ระดับ 85.55 ดอลลาร์/บาร์เรล จาก 1) คาดกลุ่มOPEC+ จะขยายเวลาลดการผลิตน้ำมันไปถึงสิ้นปี, 2) คาดอุปสงค์พลังงานจะเพิ่มขึ้นหากเฟดเริ่มหยุดขึ้นดอกเบี้ย, และ 3) จีนรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 51 ในเดือน ส.ค. สะท้อนการผลิตจีนที่กลับมาฟื้นตัวหนุนดีมานด์พลังงาน