บมจ. เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น มองยอดขายรวมปีนี้ทำได้ 9,700 ล้านบาท อัตรากําไรขั้นต้นดีขึ้นอยู่ที่ 12-13% แม้ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง-อาหารทะเลแช่เยือกแข็ง ปริมาณการขายลดลง แต่ธุรกิจอาหารสัตว์น้ำมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ย้ำฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีกระแสเงินสดรับจากการดําเนินงาน 9 เดือนแรก 569 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 182 ล้านบาทจากปีก่อน เดินหน้าลงทุนตามแผนเดิม รับตลาดปีหน้าฟื้น
นายเอกกมล ประสพผลสุจริต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN เปิดเผยว่า คาดว่าภาพรวมยอดขายของทั้งกลุ่มจะลดลงจากปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ราว 9,700 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจหลัก มียอดขายลดลงอย่างมาก และมีสัดส่วนลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 45% ของยอดขายรวม ซึ่งคาดว่าปีนี้น่าจะทำยอดขายได้ 4,400 ล้านบาท มองแนวโน้มอาหารสัตว์เลี้ยงในปีหน้ายังมีอัตราการเติบโต และรองลงมาคือธุรกิจอาหารทะเลแช่เยือกแข็งที่ได้รับผลกระทบเนื่องจากการบริโภคภายในตลาดหลักของลูกค้าชะลอตัวลง จากสภาพเศรษฐกิจในยุโรป และอัตราเงินเฟ้อ คาดทำยอดขายย่อลงมาอยู่ที่ประมาณ 2,900 ล้านบาท ในขณะที่ธุรกิจอาหารสัตว์น้ำทำได้ดีขึ้น โดยเติบโตจากอาหารกุ้งเป็นหลัก คาดการณ์ยอดขายทั้งปีอยู่ที่ 1,300 ล้านบาท และธุรกิจทูน่ายอดขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 1,100 ล้านบาท โดยมองอัตรากําไรขั้นต้นคาดว่าจะสามารถทำได้ในช่วงระหว่าง 12% - 13% จากงวด 9 เดือนทำอัตรากำไรขั้นต้นแล้วที่ 12.2% โดยอัตรากําไรขั้นต้นที่ทำได้ดีขึ้นในไตรมาส 3 ปีนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาส ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ คาดว่าปี 2566 จะใช้งบลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 671 ล้านบาท ตามที่ได้จัดสรรไว้เดิม แบ่งเป็น งบลงทุน 473 ล้านบาท เพื่อขยายกําลังการผลิตและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก ขณะที่ใช้งบลงทุน 54 ล้านบาทสำหรับการขยายการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ดและเปลี่ยนหม้อต้มไอน้ำ (Boiler) และงบลงทุน 144 ล้านบาทสำหรับโครงการติดตั้ง Solar Roof และปรับปรุงประสิทธิภาพการดําเนินงานในธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็ง
ทั้งนี้ ล่าสุด ผลประกอบการไตรมาส 3/2566 มีรายได้จากการขายและบริการ 2,535 ล้านบาท ลดลง 15.4% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนมีรายได้ 2,996 ล้านบาท แต่ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ซึ่งมีรายได้ 2,338 ล้านบาท เป็นผลจากการดําเนินงานของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงซึ่งเป็นสัดส่วนรายได้หลักได้รับผลกระทบจากการปรับลดปริมาณสินค้าคงเหลือของลูกค้าในตลาดอเมริกา แคนาดา อังกฤษ และธุรกิจทูน่าที่ลดลงมาจากปริมาณการสั่งสินค้าของลูกค้าในตะวันออกกลางลดลง ในทางกลับกันธุรกิจอาหารสัตว์น้ำมีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นจากปีก่อนอย่างมาก มาจากการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งการตลาด อันเป็นผลจากคุณภาพอาหารสัตว์น้ำที่ดีขึ้น
ขณะที่ มีกําไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 156 ล้านบาท ลดลงราว 36% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน เกิดจากการลดลงของกําไรขั้นต้นที่เป็นผลมาจากรายได้ของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่ต่ำกว่าปีก่อน ประกอบกับรายได้จากธุรกิจอาหารสัตว์น้ำที่อัตรากําไรขั้นต้นน้อยกว่าธุรกิจอื่นเพิ่มขึ้น
“ภาพรวมรายได้ที่ลดลง สอดคล้องกับปริมาณการขายที่ลดลง โดยไตรมาส 3/2566 มีปริมาณการขายอยู่ที่ 19,189 ล้านตัน ลดลงเมื่อเปรียบเทียบปีก่อน 10% โดยเฉพาะกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงมีปริมาณการขาย 6,825 ล้านตัน ที่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปีก่อนถึง 30% แต่เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2/2566 มีทิศทางเพิ่มขึ้น” นายเอกกมล กล่าว
สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนแรก 2566 บริษัทฯ มีรายได้ 7,146 ล้านบาท ลดลง 17.3% มีกําไรสุทธิ 222 ล้านบาท ลดลง 71% สาเหตุหลักจากการลดลงจากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่ลูกค้าหลัก ได้ปรับลดปริมาณสินค้าคงเหลือตั้งแต่ปลายปี 2565 เช่นเดียวกันกับอาหารทะเลแช่เยือกแข็งที่รายได้ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากการบริโภคภายในตลาดหลักของลูกค้าชะลอตัวลง ไม่ว่าจะเป็นที่ อเมริกา หรือ ยุโรป โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม ซึ่งได้รับผลกระทบมาตั้งแต่ครึ่งปีแรกธุรกิจอาหารสัตว์น้ำมีพัฒนาที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสําคัญ อันเป็นผลต่อเนื่องจากคุณภาพอาหารสัตว์น้ำ จากที่ได้ดำเนินการปรับปรุงสูตรและการคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ สามารถตอบสนองความต้องการของเกษตรกรได้มากยิ่งขึ้น จนทำให้รายได้มีอัตราการเติบโตในแนวโน้มที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ดี ASIAN มีรายการสำคัญในงวด 9 เดือนแรกปี 2566 ที่สามารถทำได้ดีขึ้นในด้านการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีขึ้น และมีต้นทุนทางการเงินลดลง จากการได้เงินโครงการเสนอขายหุ้น (IPO) และชำระคืนเงินกู้ก่อนกำหนด ในด้านภาษีมีการบันทึกจาก BOI ที่ได้ในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง กระแสเงินสดจากกิจกรรมดําเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ 569 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 182 ล้านบาทเมื่อเทียบกับปีก่อนซึ่งมีเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดําเนินงาน 387 ล้านบาท เป็นผลจากสินทรัพย์ดําเนินงานลูกหนี้การค้าและสินค้าคงเหลือ มีการเปลี่ยนแปลงที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน 613 ล้านบาท และ หนี้สินในการดําเนินงานเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 119 ล้านบาท แม้ว่ากําไรจากการดําเนินงานลดลง 623 ล้านบาท