Market

InnovestX  คาด SET กลับมาอ่อนตัว และฟื้นตัวจำกัด วิตกสงครามอิสราเอลดอกเบี้ยเฟดไม่นิ่ง
16 ต.ค. 2566

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้(16 ต.ค.)  บล. อินโนเวสท์ เอกซ์  คาด SET กลับมาอ่อนตัวหากรอบล่างบริเวณแนวรับ 1440 และ 1430 จุด ตามลำดับ จากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ซึ่งกังวลถึงการสู้รบที่ลุกลาม และความไม่แน่นอนแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด หลังเงินเฟ้อสหรัฐ ก.ย. สูงกว่าคาด ด้านการฟื้นตัวถูกจำกัดบริเวณแนวต้าน 1462 จุด

 

ประเด็นสำคัญ 

• ส.อ.ท. เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ของโลกอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากความขัดแย้งบานปลายย่อมส่งผล กระทบต่อเศรษฐกิจโลกและไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม จึงจำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องวางแผนรับมือเอาไว้ คาดหวังภาครัฐเร่งหามาตรการดูแลพลังงานปี 2567 ไว้ล่วงหน้า

 

• ก. พลังงานเตรียมทำหนังสือถึงศาลปกครองดำเนินการเซ็น PPA กลุ่มพลังงานลม1,500 MW หลังศาลเพชรบุรีสั่งทุเลาเทพสถิต วินด์ฟาร์ม ระบุหากล่าช้ากระทบเม็ดเงินลงทุนรวมทั้งค่าไฟฟ้า

 

• ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐ ต.ค. ลดลง MoM ต่ำกว่าคาด และทำระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ พ.ค.

 

• สงครามในตะวันออกกลางอาจขยายวงกว้าง เนื่องจากอิสราเอลเริ่มบุกโจมตีภาคพื้นดินเข้าสู่ฉนวนกาซา และอาจจะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมัน

 

• สหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตรครั้งแรกกับเจ้าของเรือบรรทุกน้ำมันที่บรรทุกน้ำมันของรัสเซียที่มีราคาสูงกว่าราคาของกลุ่ม G7 ที่ระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นความพยายามที่จะปิดช่องโหว่ในกลไกที่ออกแบบมาเพื่อลงโทษรัสเซียที่บุกโจมตียูเครน

 

• คณะบริหาร ประธานาธิบดี โจ ไบเดนเตรียมปิดช่องโหว่ที่ทำให้ บ. จีนเข้าถึงชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของสหรัฐผ่านหน่วยงานที่ตั้งอยู่ใน ตปท.

 

• JPMorgan Chase & Co รายงานกำไรและรายได้ 3Q66 สูงกว่าคาด โดยรายได้จากดอกเบี้ยสูงกว่าคาด ส่วนต้นทุนในการให้สินเชื่อน้อยกว่าคาด

 

กลยุทธลงทุน  ในช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสฟื้นตัวหรือรีบาวด์ได้   แม้ตลาดจะยังกังวลภาวะสงครามที่เกิดขึ้นในอิสราเอล แต่ยังได้แรงหนุนจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายออกมาหนุนยุติปรับขึ้นดอกเบี้ย ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐชะลอลงและค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า (เงินบาทกลับมาแข็งค่า) อีกทั้งยังมีความคาดหวังจากจีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินรวม 1 ล้านล้านหยวน และคาดยังมีแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงานเข้ามาช่วยหนุนดัชนี กลยุทธ์ลงทุนจึงมองเป็น “โอกาสซื้อลงทุน”

 

Weekly Portfolio : สัปดาห์นี้มอง SET มีโอกาสจะฟื้นตัวหรือรีบาวด์ได้บ้าง หลังปรับตัวลงแรงสะท้อนความเสี่ยงไปในระดับหนึ่งและค่าเงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่า จึงมองเป็น “โอกาสซื้อลงทุน” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้

 

1) หุ้นเก็งกำไรซึ่งคาดได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันปรับขึ้นหรือทรงตัวในระดับสูง หลังกังวลความตึงเครียดในตะวันออกกลางกระทบอุปทานน้ำมัน เลือก PTTEP BCP

 

2) หุ้น Undervalued ซึ่งราคาปรับลงมาจนเข้าเขต Oversold และยังมีพื้นฐานดี อีกทั้งValuation ไม่แพง (PER และ PBV 23F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) เลือก CPALL TOP CPN BDMS MINT

 

3) หุ้นที่มี Earning Growth แข็งแรง (กำไรมีโมเมนตัมดีต่อเนื่อง) และตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันราคาหุ้นสามารถชนะตลาดได้  เลือก AMATA BBL KTB BCH KLINIQ

 

สำหรับหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว แม้ปีนี้เรายังประมาณการตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยที่ 28 ล้านคน และปีหน้า 35 ล้านคน แต่ช่วงสั้นคงต้องระมัดระวังการลงทุนในหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวที่อิงรายได้จากในประเทศ (AOT ERW CENTEL) ก่อน เพื่อรอดูการฟื้นตัวความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง  ได้แก่กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร 

 

โฟกัสหุ้นวันนี้ 

BBL คาดกำไรโตแข็งแกร่งสุดในกลุ่มเพราะ NIM จะขยายตัวมากที่สุด หลังได้ประโยชน์จากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุดขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ 25 bps ขณะที่ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 20-25 bps และคงดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยมี Upside 8 bps

 

BCP 3Q66 คาดกำไรเติบโต YoY และ QoQ แรงหนุนจากค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้นและกำไรสินค้าคงคลัง ขณะที่ valuation ยังไม่แพง โดยมี PER 66F ระดับ 5.5 เท่า และPBV 0.8 เท่า (-1SD) อีกทั้งคาด Div. Yield ปี 66 น่าสนใจในระดับ 5.5% และจะเพิ่มขึ้นสู่ 8% ในปี 67

 

Copyrights © 2021 All Rights Reserved by Clubhoon.com