บมจ.ไทย โคโคนัท โชว์ผลงานไตรมาส 1/2567 มีกำไรสุทธิ 203 ลบ. โต 204% ตามยอดรายได้จากการขายและบริการที่เพิ่มขึ้น ผลิตภัณฑ์มะพร้าว – อาหารสัตว์เลี้ยงเติบโต ดันรายได้แตะ 1,397 ล้านบาท พุ่ง 62% "ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว" ย้ำเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 30-40%
ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ “COCOCO” ผู้ผลิต-จำหน่าย และส่งออกผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าวรายใหญ่ของไทย เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 ( งวด 1 ม.ค.- 31 มี.ค. 2567) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 203.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 204.39% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 66.90 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 26.66% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 25.23% และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้น เท่ากับ 26.58% ซึ่งเป็นไปตามรายได้จากการขายและบริการที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิด Economy of Scale ของกำลังการผลิต นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการบริหารจัดการด้านต้นทุนและทำให้สามารถควบคุมต้นทุนขายและบริการได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,397.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62.18% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 861.76 ล้านบาท จากการเติบโตของรายได้จากการขายและบริการ รวมถึงการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทุกประเภทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวและผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงเนื่องจากบริษัทฯ สามารถขยายช่องทางการจัดจำหน่ายได้ทุกช่องทางการตลาด แต่ปรับตัวลดลง 2.94% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยและรายได้อื่นลดลง แต่รายได้จากการขายและบริการลดลงเล็กน้อย ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาลหรือ Low Season ของการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าว
รายได้จากการขายและบริการ สำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2567 บริษัทฯ ทำได้เท่ากับ 1,373.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.28% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยแยกเป็นรายได้จากการขายและบริการต่างประเทศอยู่ที่ 1,181.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79.84% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ส่วนรายได้จากการขายและบริการในประเทศอยู่ที่ 192.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.01% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีสัดส่วนการส่งออก 86.01% ของรายได้จากการขายและบริการ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนพบว่า บริษัทฯ มียอดขายจากภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้น 79.51% ยอดขายจากภูมิภาคอเมริกาเพิ่มขึ้น 74.00% และยอดขายจากแอฟริกาเพิ่มขึ้น 46.53% แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า พบว่า ยอดขายมีการปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นไปตาม Low Season สำหรับผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าว ในช่วงไตรมาสที่ 1 ขณะที่บริษัทฯ ยังคงเห็นโอกาสการเติบโตเพิ่มขึ้นของปริมาณการบริโภคสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวที่เป็นสินค้ายอดนิยมจากประเทศไทยของกลุ่มลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ในกลุ่มประเทศในเอเชีย โดยบริษัทฯ ได้มีการสำรวจและศึกษาตลาดเครื่องดื่ม ซึ่งคาดการณ์ว่าจะส่งผลให้รายได้การขายและบริการจะเติบโตขึ้น รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"ผลงาน 3 เดือนแรกปี 2567 COCOCO เติบโตอย่างโดดเด่น เนื่องจากมีการจำหน่ายทุกผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังเล็งเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณคำสั่งซื้อของกลุ่มลูกค้าปัจจุบัน โดยบริษัทฯ ได้วางแผนการขายและเพิ่มกลยุทธ์การตลาดรวมทั้งให้ความสำคัญกับการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเดิมและการหาลูกค้ารายใหม่ในต่างประเทศ โดยออกงานแสดงสินค้าและสำรวจตลาดเครื่องดื่มต่างประเทศ เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง” ดร.วรวัฒน์ กล่าว
ดร.วรวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า COCOCO ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตของรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กะทิ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ รวมถึงการเติบโตของรายได้ของบริษัทย่อยในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงภายใต้แบรนด์ Moochie และการเพิ่มขึ้นจากการขายสินค้าภายใต้ตราสินค้าของลูกค้า (OEM) ซึ่งจากกลยุทธ์ทางการตลาดของบริษัทฯ ที่มีการขยายฐานลูกค้าเดิมให้สามารถขยายช่องทางปลายทางได้เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะช่องทางการขายในร้านค้าปลีกที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศอีกด้วย
ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2567 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสร้างฐานลูกค้าในประเทศเดิมที่เข้าไปขยายตลาดมาแล้วก่อนหน้านี้ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันได้มีการขยายตลาดไปแล้วกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ความต้องการบริโภคน้ำมะพร้าวยังคงมีอยู่มาก และค่อนข้างเป็นที่นิยมทั้งคนไทยและต่างชาติ ทำให้ที่ผ่านมาการเข้าไปทำการตลาดได้รับการตอบรับที่ค่อนข้างดี และภายในปี 2569 จะมีการขยายตลาดเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 130 ประเทศทั่วโลก
ดร.วรวัฒน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 30-40% เนื่องจากบริษัทฯ มีการขยายฐานลูกค้า และเพิ่มกลยุทธ์การตลาด เพื่อเพิ่มยอดขายในต่างประเทศและมีการขายแบรนด์เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับทิศทางผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำมะพร้าวยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี สอดคล้องธุรกิจน้ำมะพร้าวที่ยังอยู่ในธุรกิจเมกะเทรนด์สุขภาพทั่วโลกที่มีศักยภาพการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน ทำให้คาดว่าผลการดำเนินงานในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตกว่าปีก่อน