ทิศทางหุ้นวันนี้ ยังไร้ปัจจัยบวกหนุน แบงก์จีน 8 แห่ง ถูกมูดี้ส์ฯ หั่นเรทติ้งส์ ตลาดแรงงานสหรัฐแผ่ว กกร.มองเศรษฐกิจไทยยังเปราะบาง คาดปีหน้า โต 2.8-3.3%
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (7ธ.ค.) บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET ฟื้นตัว แต่มีแนวต้านสำคัญบริเวณกรอบบน 1398 จุด ซึ่งต้องขึ้นทะลุผ่านก่อน ถึงจะเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาพการฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1410 จุด ขณะที่กรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1380 จุด หากต่ำกว่า จะกลับมาเป็นสัญญาณลบ และมีแนวรับถัดไปที่ 1370 จุด
ประเด็นสำคัญ
• การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐ พ.ย. เพิ่มขึ้น 1.03 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่าคาด บ่งชี้ตลาดแรงงานของสหรัฐเริ่มคลายความร้อนแรง
• ตัวเลขขาดดุลการค้าในภาคสินค้าและบริการของสหรัฐ ต.ค. เพิ่มขึ้น 5.1% สู่ระดับ6.43 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตลาดคาด
• EIA รายงานสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 5.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าคาด บ่งชี้ว่าอุปสงค์เชื้อเพลิงในสหรัฐชะลอตัวลง
• ปธน. ปูติน เดินทางถึง UAE แล้ว ก่อนบินต่อไปซาอุฯ วันเดียวกัน ในการเยือนตะวันออกกลางครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มทำสงครามยูเครน คาดหารือเรื่องพลังงานเป็นหลัก
• มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ปรับลดแนวโน้มธนาคารจีน 8 แห่งจากมีเสถียรภาพเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับระดับหนี้ พร้อมปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตของฮ่องกงและมาเก๊า
• กกร. คาด GDP ปี 67 โต 2.8-3.3% ภายใต้นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตเต็มวงเงิน 5 แสนลบ. แนะนำรัฐบาลชะลอขึ้นค่าไฟ ศก. ยังเปราะบาง ทำราคาสินค้าเพิ่ม 5-10% ตั้ง กรอ. พลังงานแก้ปัญหาทั้งระบบ
• กรมสรรพสามิตระบุยอดใช้สิทธิมาตรการอุดหนุนซื้อรถ EV ปีนี้ กว่า 7.4 หมื่นคัน รัฐใช้งบอุดหนุนกว่า 4 พันลบ. ขณะที่ปีหน้าตั้งงบ 1.7 หมื่นลบ. ประเมินตลอดโครงการ 4 ปี คาดทะลุ 4 หมื่นลบ. หลังความต้องการเพิ่มต่อเนื่อง
• ภาคธนาคารเร่งปรับโครงสร้างหนี้ช่วยลูกหนี้ก่อนหมดมาตรการช่วยเหลือของ ธปท. สิ้นปีนี้ ส่วนเครดิตบูโรคาดยอดปรับโครงสร้างหนี้เกิน 1 ล้านลบ. โดยหนี้รถยนต์-บ้านตกชั้นจำนวนมาก
กลยุทธลงทุน เรามองช่วงสั้น SET มีโอกาสฟื้นตัว หลังคาดจะเริ่มมีเม็ดเงินลงทุนในกองทุน TESG ทยอยเข้ามาซึ่งจะช่วยสร้างเสถียรภาพให้แก่ตลาดหุ้นไทย โดยคาดหวังการฟื้นตัวของหุ้นขนาดใหญ่หลังราคามีการปรับตัวลงแรงในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
โฟกัสหุ้นวันนี้
OR เป็นหุ้นใน SETESG Index ที่น่าสนใจ โดยได้ Rating “AA” ขณะที่ราคาหุ้นปรับลง14.7%YTD ซึ่งมองตลาดกังวลมาตรการคุมราคาน้ำมันในประเทศมากไป ทั้งนี้ 4Q66 คาดกำไรปกติจะได้แรงหนุนจากเป็นไฮซีซั่นของการเดินทาง หนุนปี 2566 คาดกำไรสุทธิ 1.36 หมื่นลบ. (+31%YoY)
AOT เป็นหุ้นใน SETESG Index ที่น่าสนใจ โดยได้ Rating “A” ขณะที่ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้นลดลง 13% สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว โดยประเมินระดับราคา 57-60 บาท/หุ้น เป็นแนวรับขาลง เชื่อว่าเป็นโอกาสที่ดีในการซื้อสะสมสำหรับลงทุนระยะยาว หลังคาดกำไรยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัว