สรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์เดือนตุลาคม 2567
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2567 ในวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน โดยตัวแทนจากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันได้ประกาศนโยบายหาเสียงที่แตกต่างกันในหลายๆ ด้านทำให้ผลการคาดการณ์ว่าตัวแทนจากพรรคใดจะชนะสร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้นโลกในระยะสั้น ทั้งนี้ในปลายเดือนตุลาคม 2567 ผลการสำรวจการเลือกตั้งสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่าคะแนนความนิยมของ Trump พลิกกลับมาแซงหน้า Harris เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนตัวผู้สมัคร ทำให้ผู้ลงทุนมีความกังวลว่าอาจจะส่งผลให้เกิด สงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน ซึ่งจะทำให้เงินเฟ้อสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น และ FED อาจชะลอการลดดอกเบี้ยส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่า ส่งผลให้เริ่มเห็นสัญญาณเงินลงทุนต่างชาติเคลื่อนย้ายออกจากตลาดหุ้นเอเชีย
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในส่วนของตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยบวก อาทิ การเมืองไทยที่มีความชัดเจนมากขึ้นหลังมีการเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ ตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่รายงานออกมาเข้มแข็งกว่าที่นักวิเคราะห์คาด รวมถึงมาตรการที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนผ่านการเพิ่มเม็ดเงินลงทุนของผู้ลงทุนสถาบันในประเทศ ทำให้ผู้ลงทุนสถาบันในประเทศพลิกกลับมาซื้อหุ้นไทยในเดือนตุลาคมสูงสุดตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 นอกจากนั้น คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี อย่างไรก็ดี SET Index ที่ปรับเพิ่มขึ้น 2 เดือนต่อเนื่อง ขณะที่ประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนในอีก 12 เดือนข้างหน้าถูกนักวิเคราะห์ปรับลดลง ทำให้ Valuation ในตลาดหุ้นไทยค่อนข้างตึงตัว
ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทยเดือนตุลาคม 2567
ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) เดือนตุลาคม 2567