การบินไทย Q3 พลิกมีกำไรกว่า 1.5 พันลบ.  ดันงบ 9 เดือน กำไรรวม 1.6 หมื่นล้านพลิกเป็น  245% โล่งปีนี้ตุนเงินสดได้มาก พร้อมคุมค่าใช้จ่าย  ปั๊มเงินสดรองรับจ่ายหนี้ก้อนโต 1 หมื่นลบ.ในปีหน้า มั่นใจปีนี้ รายได้ตามเป้าหมาย 1.5 แสนล้าน

นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟู บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) หรือ THAI. กล่าวว่า  ผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ของปี 2566  การบินไทยและบริษัทย่อยมีรายได้รวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) ทั้งสิ้น37,008 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13%จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้รวม 32,860 ล้านบาท หรือ 12.6%  โดยมีค่าใช้จ่ายรวมที่เพิ่มขึ้นจากต้นทุนน้ำมันเป็นหลัก และมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เงินบาทอ่อนค่า ขณะที่กำไรสุทธิ 1,546 ล้านบาท พลิกเป็นบวก 132% จากขาดทุน 4,780 ล้านบาท ในข่วงเดียวกันปีก่อน 

ส่วนงวด 9 เดือน รายได้รวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) ทั้งสิ้น 115,897  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77%จากช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 16,342 ล้านบาท เพิ่มขึ้น245% พลิกจากปีก่อนขาดทุน 11,237 ล้านบาท

"ช่วงไตรมาสที่ 3 นี้ ผลกำไรออกมาดีกว่าไตรมาส 2 ที่เป็นโลว์ ซีซั่น ซึ่งไตรมาส 3 ที่ออกมา น่าจะเป็นผลกำไรที่ดีที่สุด นับเป็นเวลาที่นานมาก  โดย  ไตรมาสสามมี EBITDA กว่า 8,300 ล้านบาท เราจะเน้นเรื่องทำผลประกอบการที่ดี เพื่อจะได้ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบน้อยลง ปีนี้เรามีเงินสดเพิ่มมากขึ้นส่วนใหญ่ก็มาจากผลประกอบการที่เี แต่เราไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะเรายังไม่ได้จ่ายหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยที่ยืดเวลาไปถึงปี2579 ซึ่งปีหน้า 2567  เราจะเริ่มจ่ายหนี้ก้อนใหญ่ ราง 1 หมื่นล้านบาท  เพราะการเก็บเงินสดไว้สูงๆจึงเป็นสิ่งสำคัญ เราจึงต้องทำผลประกอบการให้ดี "

ทั้งนี้ แผนฟื้นฟูกิจการของการบินไทย ระบุว่า  ภายในสิ้นปี 2567 จะต้องทำการแปลงหนี้เป็นทุนและทำการเพิ่มทุน รวมเป็นจำนวน 80,000 ล้านบาท แบ่งเป็นทำการเพิ่มทุน 25,000 ล้านบาท  ขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม  และส่วนแปลงหนี้เป็นทุน37,000 ล้านบาท  อีก 5,000 ล้านบาทเป็นดอกเบี้ยพัก หรือดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมประเภทกู้เบิกเงินเกินบัญชีที่ลูกหนี้ค้างชำระตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป หากส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวก  การบินไทยก็จะสามารถออกจากแผนฟื้นฟูได้ในปี 2568  

สำหรับในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 ต่อเนื่องไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 แม้จะเข้าสู่ฤดูการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจากหลายภูมิภาค แต่ด้วยสภาวะการแข่งขันที่คาดว่าจะปรับตัวรุนแรงขึ้นจากการที่สายการบินต่างๆ เริ่มทยอยนำเครื่องบินกลับมาทำการบินในระดับที่ใกล้เข้าสู่ภาวะปกติก่อนการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ดังจะเห็นได้จากการเปิดเส้นทางบินและเพิ่มความถี่เที่ยวบินของสายการบินในหลายเส้นทาง อาทิการกลับเข้ามาทำการบินในเส้นทางกรุงเทพฯ-กรุงโคเปนเฮเกนของสายการบินสแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์ส การนำเครื่องบินแอร์บัสแบบ A380 กลับเข้ามาทำการบินในเส้นทางกรุงเทพฯ-นครมิวนิกของสายการบินลุฟท์ฮันซ่า ปัญหาข้อพิพาทในภูมิภาคตะวันออกกลางและพื้นที่ฉนวนกาซาซึ่งส่งผลกระทบให้เกิดการชะลอตัวของการสำรองที่นั่งล่วงหน้าในหลายๆ เส้นทาง โดยเฉพาะเส้นทางทวีปยุโรปและเที่ยวบินกรุงเทพฯ-นครอิสตันบูล สาธารณรัฐทูร์เคีย ซึ่งการบินไทยมีกำหนดเปิดให้บริการในวันที่ 1 ธันวาคม นี้

นอกจากนี้ การชะลอตัวของเศรษฐกิจในสาธารณรัฐประชาชนจีนที่เห็นได้จากการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นไปอย่างล่าช้า ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ ค่าใช้จ่ายการบริการภาคพื้นในต่างประเทศ ทำให้บริษัทฯ ยังคงต้องมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการบริหารผลตอบแทนต่อหน่วย (Yield) ให้เป็นไปตามเป้าหมาย เช่นเดียวกับการจัดการด้านค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ตลอดจนดำเนินการตามแผนปฏิรูปองค์กรและการดำเนินธุรกิจอย่างเคร่งครัดและมีวินัย เพื่อให้การดำเนินการปรับโครงสร้างทุนด้วยการแปลงหนี้เป็นทุนและเพิ่มทุนได้สำเร็จตามกรอบเวลาที่ระบุไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการ

นายปิยสวัสดิ์  ยังคาดว่าปีนี้รายได้รวมจะทำได้ตามเป้าหมาย 1.5 แสนล้านบาท หลังจาก 9 เดือนแรก ทำได้ 1.1 แสนล้านบาท ถือว่าปีนี้รายได้เพิ่มขึ้นมามาก และปีหน้าคาดว่ารายได้รวมจะเพิ่มขึ้นต่อเรื่องใหล้เคียงช่วงก่อนโควิดที่มีรายได้ราว 1.8 แสนล้านบาทในปี 2562  และในปีถัดไป 2568 จะเห็นรายได้รวมเพิ่มขึ้นมาเท่าช่วงก่อนโควิด

สำหรับ"แนวโน้มไตรมาส 4 ปีนี้  จนถึงไตรมาส 1 ปีหน้า เป็นช่วงไฮ ซีซั่น อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจีนยังไม่กลับมามากเท่าที่ควร ปัจจัยที่ต้องระวังมีเรื่องความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ เท่าที่เห็นมีการยกเลิกยกเลิกของการจองตั๋วโดยสารเส้นทางยุโรปหลังเกิดสงครามในตะวันออกกลาง และยังมีเศรษฐกิจโลกที่ไม่ดี ทำให้ยอดจองลดลงนักท่องเที่ยวจีนก็ยังไม่กลับมามากแม้มีฟรีวิซ่าเข้าไทย เพราะเศรษฐกิจจีนก็ไม่ดี ทำให้นักท่องเที่ยวจีนอยู่ในระดับไม่ดี  ขณะที่ราคาน้ำมันก็ยังต้องระวัง  เพราะต้นทุนน้ำมันมีสัดส่วน 40% ของต้นทุนทั้งหมดเพราะฉะนั้นเรื่องการบริหารจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะค่าใช้จ่ายผันแปร เป็นสิ่งที่ต้องระวังมากในปีหน้า"