บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) ประเมินผลงานครึ่งปีหลังสัญญาณสวยต่อเนื่อง ผลจากยอดขายยางแท่งมีแนวโน้มสดใสตามภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และอุตสาหกรรมยางล้อและรถยนต์ยังเติบโตดี แม่ทัพหญิง “สินีนุช โกกนุทาภรณ์” ระบุ กฎหมาย EUDR ส่งผลบวกต่อยอดขาย และราคายางแท่ง คาดหนุนผลงานรวมปีนี้โตแรง
นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH ผู้ผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ และน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ในภาคตะวันออก และผู้นำด้านการผลิตพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์แบบครบวงจร เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2567 มีทิศทางที่ดีต่อเนื่องทั้งสามสายธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติที่มีสัญญาณสดใสตลอดทั้งปี
โดยยอดขายยางแท่งมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2567 จากปัจจัยสนับสนุนด้านภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัว และการเติบโตของอุตสาหกรรมยางล้อและรถยนต์ ทั้งยังมีสัญญาณที่ดีจากความต้องการยางแท่งมาตรฐาน EUDR ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อผลประกอบการในครึ่งปีหลัง ทั้งในด้านของยอดขายและราคาขายยางแท่งอีกด้วย
ปัจจุบัน บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งในยุโรป อินเดีย และจีน โดยได้รับปัจจัยบวกจากการบังคับใช้กฎหมาย EUDR ซึ่งเป็นกฎหมายห้ามนำเข้าสินค้าที่ใช้วัตถุดิบที่มาจากการตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการทำสัญญาซื้อขายยางแท่งเกรด EUDR แล้วทั้งในโซนยุโรปและเอเชีย และเริ่มส่งมอบสินค้าไปแล้วในไตรมาส 2/2567 และจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานในอนาคตเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ มีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยหม้อต้มไอน้ำ (Boiler) ลูกใหม่ได้ติดตั้งแล้ว อยู่ระหว่างทดสอบระบบ และบริษัทฯ มีแผนที่จะติดตั้งหม้อนึ่งปาล์ม (Sterilizer) เพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้นอีก 50% ภายในปี 2568
ส่วนธุรกิจด้านพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์ หลังจากที่เดินระบบและเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพเฟสที่ 1 ในไตรมาส 4/2566 แล้ว คาดจะเริ่มรับรู้รายได้จากการขายก๊าซชีวภาพให้กับลูกค้าภายนอกเครือได้ในไตรมาส 4/2567 และจะสามารถเริ่มโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพเฟสที่ 2 ได้ภายในปีนี้
อนึ่ง ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 (สิ้นสุด 31 มีนาคม 2567) บริษัทฯ มีรายได้รวม 3,708.65 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 63.43 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการจำหน่ายสินค้ายางแท่งแตะระดับ 3,158.05 ล้านบาท และมีโอกาสที่ยอดขายยางแท่งในปี 2567 จะสามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High) ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยคาดว่าปริมาณขายยางแท่งจะเพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนที่มียอดขาย 197,000 ตัน