ตลท. คาดหุ้นไทยฟื้นครึ่งปีหลัง ชี้หากเฟด ลดดบ. เป็นจุดเปลี่ยนตลาดเกิดใหม่ เผย 5 เดือนแรก ตลาดหุ้นไทยร่วงหนัก 5% ไร้ปัจจัยหนุน ส่วน พ.ค. ร่วง 1.6% ต่างชาติขายอีก 1.6 หมื่นลบ ระบุ สิ้น พ.ค. 67 ค่า Forward P/E อยู่ที่ระดับ 14.4 เท่า สูงกว่าตลาดเอเชีย และอัตราเงินปันผลตอบแทน 3.48% สูงกว่าในเอเชีย เปิดกลุ่มอุตฯที่ปรับตัวขึ้นชนะตลาด ได้แก่กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร และ กลุ่มบริการ
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวมั่นใจว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังเติบโตจากครึ่งปีแรก จากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวยังคงเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อีกทั้งการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ น่าจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น และหนุนความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียน
ส่วนประเด็นการเมืองที่มีความไม่แน่นอน มอฃว่าไม่มีผลต่อ SET เนื่องจากปัจจัยที่สำคัญที่สุด คือ แนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะนี้แม้ SET ยัฃปรับตัวลดลง แต่เริ่มเห็น Sentiment ของนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนมากขึ้น
“เรื่องเศรษฐกิจไทย อัตราดอกเบี้ยเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ส่วนการเมือง นักลงทุนต่างชาติก็ถามเหมือนกัน เราก็ได้ตอบไปว่าช่วงที่ผ่านมาการเมืองไทยเป็นแบบนี้ สิ่งที่สำคัญมากกว่า คือเศรษฐกิจเป็นอย่างไร ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนเป็นอย่างไรมากกว่า”
ทั้งนี้ ล่าสุด ตลท. โรดโชว์ให้ข้อมูลกับนักลงทุนต่างประเทศ ที่ฮ่องกง
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลท. เปิดเผยว่า แนวโน้มการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยังคงดอกเบี้ยสูงไปอีกระยะ (Higher for Longer) หลังจาก IMF ประเมินสถานการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในทะเลแดง ทำให้สายการเดินเรือใหญ่ปรับเส้นทางขนส่งซึ่งเป็นการเพิ่มต้นทุนค่าระวางเรือ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายชนิดจะยังทรงตัวในระดับสูงกระทบอัตราเงินเฟ้อที่ปรับลดลงช้ากว่าคาด แม้ว่าตลาดแรงงานส่งสัญญาณชะลอตัว ขณะที่เศรษฐกิจจีนมีสัญญาณฟื้นตัว แต่ยังคงอ่อนแอ รัฐบาลจีนประกาศมาตรการรักษาเสถียรภาพและกระตุ้นตลาดหุ้นทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์จีนและฮ่องกงเริ่มฟื้นตัว
"หากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของการลงทุนใน ตลาด Emerging Markets"
สำหรับเศรษฐกิจไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาสที่ 1/2567 ขยายตัว1.5% สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 0.8% หลังได้รับแรงส่งจากการบริโภคภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยว ขณะที่อัตราเงินเฟ้อไทยปรับเพิ่มเป็นบวกเดือนแรกหลังหดตัวติดต่อกันหกเดือน และการกลับมาขยายตัวอย่างช้าๆ ของการส่งออก อีกทั้งบริษัทจดทะเบียนรายงานผลการดำเนินงานในไตรมาส1/2567 โดยภาพรวมมีรายได้และกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากกว่างวดเดียวกันของปีก่อน เช่น ธุรกิจโรงแรม การบิน พื้นที่เช่า ค้าปลีก และโทรคมนาคม นอกจากนี้ บริษัท จดทะเบียนเกินครึ่งรายงานกำไรสุทธิสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ทำให้นักวิเคราะห์ปรับ Forward EPS ของ SET เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อนหน้า ขณะที่ valuation ของหุ้นไทยหลาย sector ยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต
ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย
ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า